หรือต้องรออีก 5 ปี ? : แข้งซุปตาร์ฟอร์มไม่เปรี้ยงหลังออกสตาร์ทซีซั่นใหม่

            เข้าสู่ช่วงพักเบรกลีกยุโรปกันอีกครั้ง เพื่อเปิดทางให้ ทีมชาติกลับมาลงสนาม ที่มีทั้งเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รวมไปถึง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่เวลานี้ได้คู่ชิงที่จะฟาดแข้งในวันอาทิตย์นี้แล้วก็คือ ทีมชาติ ฝรั่งเศส กับ ทีมชาติ สเปน

 

 

พูดถึงช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ หลังแต่ละลีกลงทำการแข่งขันกันไป 7-8 นัด ต้องบอกว่ามีแข้งซูเปอร์สตาร์หลายราย ไม่ว่าจะเพิ่งย้ายมาอยู่กับสโมสรใหม่ หรือแข้งที่เล่นให้กับทีมมานานแล้ว ต่างโชว์ฟอร์มได้ไม่เป็นดั่งที่แฟนบอลคาดหวังเอาไว้ ซึ่งวันนี้ UfaArena จะพามาดูกันว่ามีใครกันบ้าง และพวกเขาเหล่านี้จะกลับมาคืนฟอร์มเก่งได้หรือไม่ เมื่อฟุตบอลลีกกลับมาเตะกันอีกครั้ง ไปดูกัน

 

 

 

 

ลีโอเนล เมสซี่ : ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

 

 

หนึ่งในดีลที่ทำเอาหลายคนช็อคตาตั้งเมื่อช่วงซัมเมอร์ เมื่อหนึ่งในสุดยอดแข้งตลอดกาลอย่าง เมสซี่ ต้องทำใจอำลา บาร์เซโลน่า ทีมที่เขาค้าแข้งมากว่า 21 ปี ด้วยน้ำตา จากสถานการณ์การเงินที่เข้าขั้นวิกฤติ ก่อนที่ ดาวเตะอาร์เจนไตน์ จะย้ายมายังสโมสรมหาเศรษฐีของโลกอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

 

 

การย้ายมาที่นี่ หากดูจากไลน์อัพของนักเตะในทีมที่แนวรุกมีทั้ง เนย์มาร์ ,คีเลียน เอ็มบั๊ปเป้ และ เมสซี่ นี่คือเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลนี้อย่างไม่ต้องสงสัย และลีกเอิง ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรในการกลับมาทวงบัลลังก์ เมื่อลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ นั้นเอาชนะคู่แข่งไปถึง 8 จาก 9 แต่หากดูที่ผลงานส่วนตัวของ ดาวเตะวัย 34 ปี ในเวลานี้แล้วต้องบอกว่าไม่ได้ดีเยี่ยมอย่างที่ทุกคนคาดไว้ เพราะหลังจากลงไปแล้ว 5 เกมเขายังคงทำประตูไม่ได้เลย

 

 

อย่างไรก็ตามมันยังเร็วเกินไปที่บอกเราจะบอกว่า เมสซี่ นั้นเก่งกับ บาร์ซ่า เพียงทีมเดียว เพราะอย่างน้อยในถ้วยยุโรปเขาก็ประเดิมประตูแรกของตัวเองได้แล้วด้วยการซัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่แข่งร่วมกลุ่ม ซึ่งจากนี้หลังจบช่วงคัดบอลโลกกับ อาร์เจนติน่า  หวังว่า เมสซี่ จะหาจุดลงล็อคกับสโมสรใหม่ของเขาได้ซักที

 

 

 

 

 

แฮร์รี่ เคน : ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ 

 

 

 

ไม่มีใครคาดคิดว่าการชวดย้ายไปร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่อ ดาวยิงกัปตันทีมชาติอังกฤษ หนักหน่วงขนาดนี้ เมื่อถึงเวลานี้เขายังไม่สามารถยิงประตู หรือ แอสซิสต์ ใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ได้เลย  ทั้งนี่ฤดูกาลก่อนเขาคือดาวซัลโว  รวมทั้งยังเป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้ ทีมชาติอังกฤษ ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2020 ด้วยการทำไปถึง 4 ประตูในทัวร์นาเมนต์

 

 

อาจจะด้วยสมาธิที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย หรืออาจจะเป็นเพราะการเข้ามาคุมทัพของ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต  กุนซือคนใหม่ของ สเปอร์ส ก็ตามที ซึ่งแม้ว่าเขาจะทำประตูในถ้วย คาราบาวคัพ รวมไป ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ไปแล้วถึง 6 ประตู ก็ตาม แต่นั่นจะไม่มีความหมายอะไรเลย หากในพรีเมียร์ลีก ดาวยิงวัย 28 ปี จะยังไม่สามารถกลับมาสู่ฟอร์มเหมือนที่เคยเป็นมาได้

 

 

น่าสนใจว่าในสุดสัปดาห์นี้ เคน ที่จะลงสนามช่วยทีมชาติอังกฤษ ในเกมดวล อันดอร์ร่า และ ฮังการี เขาจะกลับมายิงประตู เพื่อเรียกความมั่นใจก่อนกลับไปช่วยสโมสรต้นสังกัดได้หรือไม่

 

 

 

ราฮีม สเตอร์ลิง :แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

 

จากแข้งที่เป็นกำลังสำคัญ และรับค่าเหนื่อยระดับท็อปทรีของสโมสร ถึงเวลานี้ สเตอร์ลิง ต้องกลายเป็นตัวสำรองของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทัพของ เป๊ป กวาดิโอล่า อย่างเต็มตัวเรียบร้อยแล้วในฤดูกาลนี้

 

ดาวเตะวัย 26 ปี ฟอร์มหลุดมาตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว อย่างไรก็ตามเขากลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งในเกมทีมชาติกับทัพ สิงโตคำราม ที่คว้ารองแชมป์ยูโร 2020 ซึ่งนั่นก็น่าจะดีพอที่จะทำให้เขารียกความมั่นใจกลับมาในซีซั่นนี้ แต่ทุกอย่างไม่เป็นเช่นนั้น เพราะตลอด 7 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก สเตอร์ลิง เพิ่งได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพียง 2 เกมเท่านั้น พร้อมกับยิงได้แค่ลูกเดียวในเกมถล่ม นอริช ซิตี้ 5-0

 

น่าสนใจว่าการเข้ามาของ แจ็ค กรีลิช ดาวเตะค่าตัว 100 ล้านปอนด์ในฤดูกาลนี้ ทำให้เขาต้องเสียตำแหน่งแนวรุกฝั่งซ้ายในทีมไป และส่วนมาก เป๊ป มักจะจับเขาไปเล่นในตำแหน่ง False 9 แทนเสียมากกว่า ซึ่งในช่วงเวลานี้ สเอตร์ลิง ยังไม่ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีม นั่นทำให้ต้องจับตาดูกันว่าท้ายที่สุดหากเขายังไม่สามารถเฟ้นฟอร์มเก่งกลับมาได้ จะโดนปลอยตัวออกจากถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม หรือไม่ หลังเวลานี้มีรายงานว่า บาร์เซโลน่า ต้องการตัวไปร่วมทัพด้วย

 

 

 

เจดอน ซานโช่ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

หนึ่งในการย้ายทีมที่ฮือฮา และถือเป็นดีลที่แฟนบอล ยูไนเต็ด รอคอยกันมาเนินนานก่อนประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้ อย่าง ซานโช่ นั้นกลับไม่เป็นดั่งที่ใครต่อใครคาดหวัง

 

 

ใครต่อใครต่างบอกว่านี่คือจิ๊กซอว์สำคัญที่ ที่จะทำให้ทัพ “ปีศาจแดง” ประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง  แต่กลายเป็นว่าตลอด 7 นัดที่ผ่านมา ดาวเตะวัย 21 ปี ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่สุดยอดเหมือนสมัยที่ค้าแข้งกับ โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์  ออกมาได้เลย ซึ่งถึงตอนนี้ยังไม่มีทั้งการทำประตู หรือ แอสซิสต์ แม้ว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือหน้ายิ้มจะพยายามจับเขาเล่นทั้งตำแหน่งแนวรุกฝั่งขวา หรือ ซ้ายแล้วก็ตาม จนสุดท้ายต้องดร็อปเป็นตัวสำรองไปแล้ว

 

 

หลังจบพักเบรคทีมชาติน่าสนใจอย่างยิ่งว่า ซานโช่ ที่ยังคงไปด้วยแพสชั่นที่เต็มเปี่ยม จะสามารถกลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งได้หรือไม่ หรือสุดท้ายแล้วค่าตัวมหาศาล 73 ล้านปอนด์ จะกลายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอีกครั้ง

 

 

 

 

 

 

ติโม แวร์เนอร์ : เชลซี

 

 

หากจะพูดถึงฟอร์มที่ดีที่สุดของ แวร์เนอร์ คุณต้องย้อนกลับไปในปี 2020 สมัยที่เขาค้าแข้งกับ แอร์เบ ไลป์ซิก เลย เพราะนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทัพ เชลซี ด้วยค่าตัว 53 ล้านปอนด์ เรายังไม่ได้เห็นความเป็นยอดดาวยิงในตัวเขาอีกเลย

 

 

ไม่ว่าจะเริ่มต้นกับกุนซือคนเก่าอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด จนถึงคนปัจจุบันอย่าง โธมัส ทูเคิล ดูเหมือนว่าการปรับตัวให้เข้ากับการเล่นในพรีเมียร์ลีก นั้นอาจจะเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับเขาแล้ว แม้เกมล่าสุดจะเพิ่งยิงประตูแรกในฤดูกาลนี้ในเกมเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-1 ได้ก็ตาม

 

 

ในฤดูกาลแรกกองหน้าเลือดเบียร์ลงเล่นในลีกไปถึง 35 นัดแต่ยิงได้เพียงแค่ 6 เม็ดเท่านั้น ส่วนในเกมยุโรปลงเล่นไป 12 นัดยิงได้ 4 ประตู โดยรวมทุกรายการในฤดูกาล 2020-2021 ยิงได้ 11 ประตูจาก 48 นัดที่ลงสนาม มันสร้างความผิดหวังให้กับสาวก “สิงห์บลูส์” เป็นอย่างมากถึงกับมีการโห่กองหน้ารายนี้กันเลยทีเดียว  และยิ่งการเข้ามาของ โรเมลู ลูกากู ในซีซั่นนี้ทำให้โอกาสยืนหน้าเป้าของ แวร์เนอร์ นั้นแทบลืมไปได้เลย

 

 

อีกอย่างที่น่าสนใจคือเขาโดนปฏิเสธประตูจาก VAR มาแล้วถึง 16  ครั้ง เรียกว่ามากกว่าประตูที่ยิงให้เชลซีได้ซะอีก ก็ต้องดูว่าหลังจบช่วงทีมชาติ โชคจะเขาข้างเขาบ้างหรือไม่ หรือสุดท้ายการย้ายกลับไปยัง บุนเดสลีกา อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็เป็นได้

 

 

 

อองตวน กรีซมันน์ : แอตเลติโก มาดริด

 

จากที่เคยพบฝันร้ายกับ บาร์เซโลน่า ตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เวลานี้ กรีซมันน์ ได้กลับมาอยู่กับสโมสรอันเป็นที่รักของเขาอย่างทัพ “ตราหมี” อีกครั้งแล้ว

 

 

อย่างไรก็ตามในช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา น่าแปลกใจไม่น้อยที่เรายังไม่ได้เห็น กรีซมันน์  คนเดิม คนที่เคยยิง 133 ประตูจาก 254 นัดให้กับ แอตเลติโก มาดริด เพราะถึงเวลานี้เขาเพิ่งยิงได้ประตูเดียวเท่านั้น จากการลงสนาม 10 นัดให้กับทีม ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคงต้องให้ดาวเตะวัย 30 ปีปรับตัวกับทีมอีกซักระยะ แม้ว่ากุนซือจะยังเป็น ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ก็ตาม แต่เพื่อนร่วมทีมหลายคนก็ไม่ได้อยู่กับเขาเหมือนเช่นเคยแล้ว

 

 

กรีซมันน์ จะเป็นกำลังของทีมชาติฝรั่งเศส ที่จะดวลกับ ทีมชาติสเปน ในเกม เนชั่นส์ ลีก วันอาทิตย์ ก่อนที่เขาจะกลับมายังสโมสรเพื่อเรียกหาฟอร์มเก่งกับทีมอันเป็นที่รักของเขาอีกครั้ง

 

 

 

เอแดน อาซาร์ : เรอัล มาดริด

 

ค่าตัว 150 ล้านปอนด์ ที่ทัพ “ราชันชุดขาว” จ่ายให้เชลซี เพื่อเป็นค่าตัวของ อาซาร์ เมื่อ 2 ฤดูกาลก่อน นั้นแทบจะสูญสลาย เพราะถึงเวลานี้ เราได้เห็นข่าวอาการบาดเจ็บของเขา มากกว่าโอกาสลงสนามเสียอีก

 

 

จะว่าด้วยความโชคร้ายที่ต้องเผชิญหน้ากับอาการบาดเจ็บ หรือสภาพร่างกายที่ไม่ฟิตก็ไม่ทราบ แต่ถึงเวลานี้เข้าสู่ฤดูกาลที่ 3 ที่ อาซาร์ ต้องสู้กับโชคชะตาของตัวเอง ภายใต้การเข้ามาคุมทัพของ คาร์โลอันเชล็อตติ ซึ่งแม้อาการเดี้ยงจะหายไปแล้ว แต่จากการลงสนามร่วม 10 นัดในฤดูกาลนี้เขายังไม่สามารถทำประตู  และทำได้เพียงแอสซิสต์เดียวในเกมนัดเปิดสนาม  ที่สำคัญคือยังไม่มีแม้แต่เกมเดียวที่ ดาวเตะวัย 31 ปี จะได้ลงเล่นครบ 90 นาทีให้กับทีม

 

 

ทุกอย่างของ อาซาร์ ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ยังคงห่างไกลกับฟอร์มของเขาสมัยที่ค้าแข้งกับ เชลซี อีกมากโข ซึ่งเราก็ได้แต่เอาใจช่วยให้เขากลับมาเป็นคนเดิม ที่เต็มไปด้วยความั่นใจ และสภาพความฟิตที่เต็มร้อยอีกครั้ง

 

 

 

 

                                     DaboyG

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :  คาร์ลอส เวล่า : วันเดอร์คิดปืนใหญ่สู่แข้งซุปตาร์แดนลุงแซม