จมบ๊วยของตาราง : หรือต้องรอให้ตกชั้น อาร์เตต้า ถึงจะโดนปลด ?

จบเกมที่เอติฮัด สเตเดี้ยม อาร์เซน่อล บุกไปแพ้  แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-5 ถามว่าแฟนบอล “ไอ้ปืนใหญ่” ได้เห็นอะไรกันบ้างครับ ?

 

เห็นทีมที่เล่นกันแบบไร้จิตวิญญาณหลังโดนยิงประตูขึ้นนำ

 

เห็นเกมรับที่ทำพลาดแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

เห็นทีมที่เพรสซิ่งสู้คู่แข่งไม่ได้เลย

 

เห็นทีมที่เปอร์เซนต์ครองบอลแค่ 9 เปอร์เซนต์ในครึ่งหลัง

 

เห็นทีมที่มีโอกาสยิงประตูแค่ครั้งเดียวตลอด 90 นาที

 

เห็นผู้จัดการทีมที่ไม่เปลี่ยนแผนการเล่นอะไรเลยตลอด 90 นาที

 

เห็นเหล่า “เดอะกูนเนอร์ส” เดินออกจากสังเวียน เอติฮัด ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกมและแสดงอาการดีใจเมื่อ แมนฯซิตี้ ยิงประตูได้ ซึ่งเชื่อว่าข้างในคงเต็มไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวดแบบสุดๆ

 

 

พรีเมียร์ลีก เปิดฤดูกาลมา 3 นัด อาร์เซนอล ยังคงไม่มีแต้ม , ยิงประตูไม่ได้แม้แต่ประตูเดียว ,เสียไปแล้ว 9 ลูก พร้อมกับจมดิ่งในอันดับ 20 ของตาราง

นี่คือการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 118 ปี และคงไม่มีคำไหนที่อธิบายผลงานที่ย่ำแย่เช่นนี้ได้เท่าคำว่า อัปยศ อีกแล้ว

 

จากที่ มิเกล อาร์เตต้า พาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2020 กุนซือชาวสแปนิช ได้โอกาสทำทีมต่อท่ามกลางความหวังของแฟนบอลที่ต้องการหาทีมก้าวสู่ยุคใหม่ ต่อยอดจากยุค อาร์แซน เวนเกอร์ เสียที

อย่างไรก็ตามกลายเป็นว่าเขากลับไม่สามารถสร้างผลงานอะไรให้กับทีมได้เลย ซ้ำร้ายยังพาทีมตกรอบฟุตบอลถ้วยทุกรายการ ที่สำคัญคือการร่วงมาอยู่อันดับ 8 ของตารางลีก และไม่ได้ไปเตะถ้วยยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี

 

อันที่จริงจากผลงดังกล่าว อาร์เตต้า ไม่สมควรได้รับโอกาสต่อมาจนถึงฤดูกาลนี้ด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อ สแตน โครเอนเก้ ประธานสโมสรและบอร์ดบริหาร ยังเชื่อมั่นในตัวเขา สิ่งแรกที่กุนซือรายนี้ควรทำอย่างยิ่งนั่นคือ

 

การเรียกจิตวิญญานของผู้ชนะในทีมชุดนี้กลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด

 

แต่เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นมา ทีมออกมาสตาร์ทด้วยการแพ้ ฮิเบอร์เนียน 1-2 , เสมอ เรนเจอร์ส 2-2 , ชนะ มิลล์วอลล์ 4-1 , ชนะ วัตฟอร์ด 4-1, แพ้ เชลซี 1-2, แพ้ สเปอร์ส 0-1 ก่อนที่จะเปิดพรีเมียร์ลีกบุกไปพ่ายน้องใหม่ เบรนท์ฟอร์ด 0-2 ตามด้วยพ่าย เชลซี คาบ้าน 0-2 และกับเกมล่าสุดที่บุกไปแพ้ ซิตี้ 0-5

 

เรียกว่านี่มันเหมือนวนลูปกลับไปยืนที่เก่า ที่เคยเห็นกันมาเมื่อฤดูกาลก่อน ไม่มีผิดเพี้ยน

 

 

ฟอร์มการเล่นยังเข้าอีหรอบเดิม คือเกมรับยังมีปัญหาและสับสนในการยืนตำแหน่ง เล่นเหมือนขาดประสบการณ์ เหมือนไม่เคยซ้อมร่วมกัน ไม่ว่าจะเล่นในระบบ 3-4-3 หรือ 4-3-3  หรือในเกมรุกที่ขาดสมดุล ขึ้นเกมไม่ต่อเนื่อง การสร้างสรรค์เกมให้เห็นแทบไม่มี

 

ซัมเมอร์นี้สโมสรหนุนงบประมาณในการเสริมทัพให้กับเขาอย่างมาก มากกว่าทุกทีมในพรีเมียร์ลีกด้วยซ้ำกว่า 130 ล้านปอนด์

แต่การคว้าแข้งอย่าง นูโน่ ตาวาเรซ (แบ็กซ้าย) ,อารอน แรมส์เดลล์ (ผู้รักษาประตู) ,แซมบี้ โลคองก้า (กองกลาง) ,เบน ไวท์ (กองหลัง) และ มาร์ติน โอเดการ์ด (กองกลาง) มาจนถึงเวลานี้กลับไม่มีอะไรที่ส่งสัญญาณออกมาเลยว่าจะทำให้ทีมพัฒนาขึ้นกว่าเดิม

 

 

ที่เลวร้ายที่สุดคือหากดูสีหน้าและแววตาของนักเตะในทีมจากเกมล่าสุด ทุกคนเหมือนจะถอดใจกันหมดแล้ว เราไม่ได้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้เล่นอาร์เซน่อลในทีมชุดนี้กันอีกแล้ว  …

 

ถึงเวลานี้ต่อให้สุดท้าย แฟนบอลจะออกมาประท้วง ออกมาเรียกร้องให้ อดีตกองกลางของทีมรายนี้ อำลาทีมเพื่อรับผิดชอบต่อผลงานมากมายขนาดไหน

แต่สุดท้ายหากเขายังได้โอกาสทำทีมต่อจนถึงเดือน ต.ค. เหมือนที่สื่อของต่างประเทศหลายสำนักออกมาเผยก่อนหน้านี้ ก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทนรอกันต่อไป

 

 

จากนี้ อาร์เซน่อล จะได้พักเบรกทีมชาติ 2 สัปดาห์ ก่อนจะมีโปรแกรมเล่นในบ้านพบ นอริช ซิตี้ ต่อด้วยไปเยือน เบิร์นลีย์ และทำศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์กับ สเปอร์ส และเริ่มต้นเดือนตุลาคมด้วยการไปเยือน ไบรท์ตัน

 

นี่คือฟางเส้นสุดท้ายที่ อาร์เตต้า ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้  ความเชื่อใจและศรัทธา กอบกู้ได้ด้วยผลงานที่ดี แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ไม่ต้องรอให้ถึงวันที่สโมสรปลดจากตำแหน่ง

คุณควรจะรับผิดชอบผลงานที่เกิดขึ้นได้แล้ว หากยังมีจิตวิญญานของอาร์เซน่อลหลงเหลืออยู่ในตัว

 

อย่ารอให้ถึงวันที่ทีมต้องร่วงตกชั้นเลยครับ

 

 

                                            DaboyG

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : อาร์เตต้าเผยรู้เลยจะเจออะไรหลังชาก้าโดนใบแดง