คนไอริชไม่ลืม : ย้อนเหตุการณ์หัตถ์พระเจ้าของ เธียร์รี่ อองรี

อองรี

วันที่ 18 พฤศจิกายนอาจดูเป็นวันธรรมดาปกติทั่วไป แต่สำหรับแฟนบอลชาวไอริชคงไม่ใช่ เพราะนี่เป็นเป็นวันครบรอบ 12 ปี กับการแฮนด์บอลของ เธียรร์รี่ อองรี ในปารีส จนทำให้ไอร์แลนด์พลาดโอกาสไปเล่นฟุตบอลโลกอย่างน่าเจ็บปวด

สถิติได้บันทึกไว้ว่าวันพุธที่ 18 พฤศิจกายน 2009 ทีมชาติฝรั่งเศสเอาชนะสาธารณรัฐไอร์แลนด์ไป 2-1 จากประตูรวมทั้ง 2 นัด ช่วยให้ทัพ ‘ตราไก่’ คว้าตั๋วเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่แอฟริกาได้สำเร็จ

แต่ค่ำคืนของการแข่งขันนั้นที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ณ กรุงปารีส กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ‘เลอ เบลอส์’ ตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย และ ไม่มีนักเตะคนไหนของเกมอันฉาวโฉ่นั้นลืมเหตุการณ์วันนี้ไปได้อย่างแน่นอน 

และ UFA ARENA จะพาทุกคนไปย้อนดูช่วงเวลาอันโกลาหล ณ สนาม สต๊าด เดอ ฟรองช์ เมื่อ 12 ปีก่อน ผ่านบทความนี้กัน

 

เมื่อยักษ์เขียวเจอของแข็ง

Judgement day awaits France and Italy | UEFA EURO 2020 | UEFA.com

หนึ่งเดือนก่อนหน้าเกมนี้ การจับฉลากคู่เพลย์ออฟจัดขึ้นในเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พลพรรค ’ยักษ์เขียว’ ของ โจวานนี่ ตราปัตโตนี่ ไม่แพ้ใครในรอบแบ่งกลุ่มเลย โดยชนะไป 4 และ เสมอไป 6 ซึ่งมีโอกาสไปเจอกับ โปรตุเกส, กรีซ หรือ รัสเซีย เพื่อคว้าตั๋วไปเล่นเวิลด์คัพฉบับแอฟริกา แต่พวกเขากับต้องเจอของแข็งที่ไม่มีใครอยากเผชิญหน้าอย่าง ฝรั่งเศส ที่มีนักเตะระดับโลกในตอนนั้นอย่าง เธียร์รี่ อองรี, นิโคล่าส์ อเนลก้า, เอริค อบิดัล, ฟรอรองต์ มาลูด้า, คาริม เบนเซม่า, พาทริซ เอวร่า และ วิลเลี่ยม กัลลาส

ทว่าฝรั่งเศสชุดนั้นก็คือทีมเดียวกันที่ไปเล่นในยูโร 2008 และตกรอบไปแบบหมดสภาพหลังเก็บไปเพียงแต้มเดียวจาก 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม แถมในรอบคัดเลือกบอลโลก 2010 ‘เลอ เบอลส์’ ก็ทำได้เพียงคว้าอันดับเพลย์ออฟ ตามหลัง เซอร์เบีย จ่าฝูง ทั้งๆที่อยู่ในกลุ่มไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่

ที่น่าปวดหัวไปมากกว่านั้น พวกเขามี เรย์มงด์ โดเมเน็ค กุนซือผู้มีความเชื่อเกี่ยวกับดาวดวงดาว, จักรวาล และนำมาผนวกกับฟุตบอลเป็นเฮ้ดโค้ช ไม่แปลกที่เขาจะกลายเป็นตัวตลกของแฟนบอลทั่วโลก อีกทั้งครั้งหนึ่ง เขาเคยหั่นชื่อของ โรแบร์ ปิแรส ออกจากชุดบอลโลกปี 2006 เพราะว่าอดีตแข้งอาร์เซน่อลเกิดในราศีพิจิก อีกทั้งยังเคยปฏิเสธงานคุมทีมไอร์แลนด์ในปี 2003 หลังใช้ศาสตร์ของดวงดาวมาช่วยเขาเลือกงาน

ขณะเดียวกัน ไอร์แลนด์ที่จบอันดับ 2 ในรอบคัดเลือกแบ่งกลุ่มตามหลังอิตาลี แชมป์โลกครั้งก่อน พวกเขาไม่มีสตาร์ดังมากมาย และ ไม่สามารถชนะคู่แข่งได้มากกว่า 1 ประตูเลย แต่อย่างน้อยทีมชุดนี้ก็ยังมีคุณภาพและประสบการณ์จาก ร็อบบี้ คีน, เชย์ กิฟเว่น, ริชาร์ด ดันน์ และ ดาเมี่ยน ดัฟฟ์ อยู่บ้าง แถมเมื่อเทียบกันแล้วก็ยังมีผลงานที่คงเส้นคงวากว่าฝรั่งเศสพอสมควร

 

ตราไก่เริ่มถอดใจ

Irish Soccer Details $7 Million FIFA Payment Over Handball | Colorado  Public Radio

แม้ว่าประตูของ อเนลก้า จะช่วยให้ ฝรั่งเศส เอาชนะไปก่อนในเกมแรก 1-0 ที่สนาม ครู๊ก ปาร์ค กรุงดับลิน บรรยากาศแคมป์ของทีมไอร์แลนด์ก็ยังอยู่ในทิศทางบวกอยู่

“เรารู้สึกว่าเรายังอยู่ในเกมอยู่เลย”  กิฟเว่นกล่าวกับ โฟร์โฟร์ทู “หลายคนในฝรั่งเศสและแฟนบอลหลายแห่งทั่วโลกอาจคิดว่ามันจบลงแล้ว แต่บรรยากาศในห้องแต่งตัวของทีม เราคิดว่าเราสามารถคว้าผลการแข่งขันที่ปารีสได้ เราไม่มีอะไรต้องเสียนี่”

ทางด้านอาลู ดิยาร์ร่า แข้งตราไก่ก็กล่าวว่า “เราเสียพลังงานไปมากกับการเล่นในนัดแรกกับไอร์แลนด์ มันเป็นเกมที่มีความเข้มข้นสูง บางทีเราต้องพยายามให้มากขึ้นในเกมนัด 2 ที่แซงต์-เดอนีส์”

หลังจากนั้นใน 4 วันต่อมา คีน ทำประตูตีเสมอในนาทีที่ 33 ของเกมในสนาม สต๊าด เดอ ฟร็องช์ แข้ง ‘เลอ เบลอส์’ ก็เริ่มลนลานทันที

“ผมจำได้ว่ากำลังแลกเปลี่ยนมุมมองกับเพื่อนร่วมทีม เราพยายามจะพูดคุยกับคนอื่นๆ แต่เราต่างรู่ว่ามันไม่ใช่วันที่ดีสำหรับเราเลย และเราต้องฝ่าฝันมันไปให้ได้ ” ดิยาร์ร่า กล่าว 

“เรารับมือกับการเพรสซิ่งสูงของพวกเขาได้ลำบาก และหาจังหวะไม่ได้เลย เมื่อเวลาผ่านไป แรงกดดันกับโอกาสในการพลาดไปเล่นบอลโลกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนั้นหมายความว่าเราไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาได้ ไอร์แลนด์เป็นฝ่ายคุมเกม และ พวกเขาเป็นฝ่ายเหนือกว่า”

การแข่งขันล่วงเลยไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ และอาจต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ แต่ในนาทีที่ 103 ก็เกิดเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างในเกมนั้น

 

หัตถ์พระเจ้ายุคใหม่

Bàn tay của Henry và 8 năm uất hận với bóng đá Ireland

ฝรั่งเศสได้ลูกฟรีคิกจากบริเวณกลางสนามบริเวณฝั่งไอร์แลนด์ และเปิดบอลยาวขึ้นมาโดย มาลูด้า จากนั้นบอลก็ผ่ายไปหา อองรี ในบริเวณกรอบ 6 หลา ฝั่งซ้าย แต่ก่อนที่บอลจะออกเส้นหลังประตูไป หัวหอก ‘ตราไก่’ กลับใช้ท่อนแขนหยุดลูกบอล ก่อนจะส่งต่อให้ กัลลาส ที่ยืนรออยู่โหม่งจ่อๆเข้าประตูไป โดยที่กิฟเว่น นายทวาร ‘ยักษ์เขียว’ เห็นจังหวะแฮนด์บอลเต็ม 2 ตา

“แฮนด์บอลนั้นชัดเจน และผมก็เตรียมจะเตะเป็นลูกฟรีคิกแล้ว ผมมองไปที่กรรมการ แต่เขากลับชี้นิ้วไปที่กลางสนาม ซึ่งเป็นสัญญานบอกว่าเป็นประตู” อดีตนายทวาร นิวคาสเซิลกล่าว 

“ผมวิ่งไปหาเขาทันที และผู้เล่นคนอื่นๆก็วิ่งไปหาไลน์แมน มันเกินไปจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นไลน์แมนหรือผู้ตัดสิน ใครซักคนน่าจะเห็นจังหวะนี้ ผมคิดว่า อองรี ก็คงต้องรู้สึกละอายใจบ้าง เขารู้ดีว่ามันเป็นแฮนด์บอลชัดเจน”

แต่จังหวะต่อมายิ่งทำให้แฟนบอลชาวไอริชหัวร้อนเข้าไปกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อภาพรีเพลย์ได้โชว์ให้เห็นว่า เซบาสเตียน สกิลลาชี่ ที่ยืนล้ำหน้าอยู่ ในจังหวะฟรีคิกมีส่วนร่วมกับประตูนั้นด้วย แต่กลับไม่มีธงจากไลน์แมน เนื่องจากถูกบดบังจากการมองเห็น และกลายเป็นประตูไปในท้ายที่สุด

“เป็นความรู้สึกที่ยากจะรับได้มันน่าท้อแท้มากๆ และยากที่จะจบตามเกมหลังจากนั้น” กิฟเว่นกล่าวต่อ 

“ถ้าคุณแพ้เพราะประตูที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของผู้ตัดสิน ผมไม่อยากจะบอกว่านั้นเป็น ‘การโกง’ หรอก มันไม่ใช่คำที่เหมาะสมเท่าไหร่ แต่เราต่างรู้สึกผิดหวังมากกับการตัดสินทังหมดนั้น”

อีก 20 นาทีต่อมา ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย แต่นั่นกลับสร้างรอยด่างพร้อยให้กับอาชีพค้าแข้งอันยอดเยี่ยมของ อองรี และการเข้ารอบของทัพ ‘ตราไก่’ ก็ดูมัวหมองไม่น้อย แม้ว่าพวกเขาจะเห็นใจคู่แข่งก็ตาม

‘มันน่าเสียดายสำหรับไอร์แลนด์’ ดิยาร์ร่ายอมรับ “พวกเขาเป็นทีมที่กล้าหาญและพวกเขาสู้อย่างสุดความสามารถ เราถูกสื่อต่างๆโจมตีหลังจากนั้นและมันเป็นเรื่องยากที่รับไหว เธียร์รี่ อองรี กลายเป็นเป้าหมายหลัก และมันก็เป็นเรื่องลำบากสำหรับเขา ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะยากแค่ไหน ผมไม่เข้าใจเหตุผลสำหรับการคุกคามที่เขาเจอจริงๆ”

ต่อมา TIME นิตยสารระดับโลกได้ยกให้ อดีตดาวยิง อาร์เซน่อล เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ฉ้อฉลที่สุดตลอดกาล โดยอยู่ระดับเดียวกับ ทอนย่า ฮาร์ดดิ้ง นักสเก็ตน้ำแข็งอาชีพที่ถูกแบน หลังจากที่อดีตสามีของเธอโผล่ไปทำร้ายคู่แข่ง หรือ เบน จอห์นสัน ผู้ใช้สารกระตุ้นสเตียรอยด์จนคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในกรีฑาประเภทวิ่ง 100 เมตร

3 วันหลังเกมนั้น เจ้าตัวได้แถลงข่าวว่า “ทางออกที่ดีที่สุดในเรื่องนี้คือการรีเพลย์การแข่งขันใหม่อีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่การควบคุมของผม”

 “แน่นอนว่าผมรู้ละอายใจกับวิธีที่เราชนะ และรู้สึกเสียใจอย่างมากกับชาวไอริช ทีมที่ควรได้โอกาสไปแอฟริกาใต้ ผมพูดในตอนนี้และผมจะพูดมันอีกครั้งว่า ใช่ ผมทำแฮนด์บอลจริง ผมไม่เคยโกง และผมไม่เคยเป็น แต่มันเป็นการตอบโต้โดยสัญชาติญานกับลูกบอลที่เข้ามาในกรอบเขตโทษอย่างรวดเร็ว”

แม้ว่าหลายฝ่ายได้เรียกร้องให้มีการแข่งขันเกมนี้ใหม่อีกครั้ง แต่ฟีฟ่าก็ไม่ได้ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด

อีก 6 ปีต่อมา ฟีฟ่าได้มอบเงินให้กับสมาคมฟุตบอลไอร์แลนด์จากเหตุการณ์สุดฉาวโฉ่ครั้งนั้น 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเหล่านี้ช่วยให้พวกเขาสร้างจ่ายดอกเบี้ยที่ยืมมาในการก่อสร้าง อาวีว่า สเตเดี้ยม หลังสัญญาได้ระบุไว้ว่า หากไอร์แลนด์ผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกปี 2014 พวกเขาต้องจ่ายเงินให้ครบตามสัญญา

 

เวรกรรมตามทัน?

Disenchantment in France With Fickle National Team - The New York Times

สำหรับฝรั่งเศสที่ผ่านเข้ารอบด้วยเหตุการณ์กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความตกต่ำในทีมชาตินานหลายปี เนื่องจากเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในแคมป์ของทัพ ‘เลอ เบลอส์’ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งในแอฟริกาใต้ เมื่อ อเนลก้าถูกตะเพิดกลับบ้านเกิดก่อนใคร หลังมีปากเสียงกับโค้ช (สื่อได้รายงานว่า เขาด่าโดเมเน็คอย่างรุนแรงมากๆถึงขั้นไล่ให้ไปตายเลย) จากนั้น เอวร่าก็เป็นแกนนำให้นักเตะในทีมงดฝึกซ้อม ก่อนที่พวกเขาจะลงเล่นในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม

“หลายคนบอกว่านั้นเป็นกรรมไม่ดีแบบมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา แต่จากนั้นเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่นก็ไม่มีอะไรขวางทางพวกเขาเลย” กิฟเว่นกล่าวเสริม “แต่การที่นักเตะ, ผู้จัดการทีม และโค้ชฟิตเนส ถกเถียงกันในทุกๆวัน ก็มีบางอย่างผิดปกติแล้วล่ะ”

“ผมไม่แน่ใจว่านั่นเรียกว่ากรรมหรือเปล่า แต่บางคนบอกว่ามันจะตามมาแน่ๆ”

นี่เป็นทัวร์นาเม้นต์ระดับเมเจอร์ที่ 2 ติดต่อกันที่ โดเมเน็ค พา ฝรั่งเศส คว้าเพียงแต้มเดียวในรอบแบ่งกลุ่ม และจบอันดับบ๊วย ก่อนที่เขาจะถูกสื่อในบ้านเกิดถล่มว่าเป็นความอัปยศของประเทศ ซึ่งมันแย่ถึงขั้นที่ลุกชายของ โดเมเน็ค ถามผู้เป็นพ่อตอนกลับมาว่า “พ่อจะต้องเข้าคุกหรือเปล่า?”

ไม่นานหลังจากที่เขาถูกไล่ออกจากสมาคมฟุตบอลแดนน้ำหอม บรรดาแข้งหัวโจกในทัพ ‘ตราไก่’ ชุดบอลโลก ก็ถูกแบนในเกมอุ่นเครื่องที่พบกับ นอร์เวย์ด้วย ไม่ว่าจะเป็น อเนลก้า, เอวร่า, ฟร้องก์ ริเบรี่ และ เจเรมี่ ตูลาล็องต์ กับเหตุการณ์วุ่นวายที่พวกเขาสร้างขึ้นในแอฟริกาใต้ และต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะกลับมาเป็นยอดทีมระดับโลกอีกครั้งภายใต้การคุมทีมของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์

สำหรับการแฮนด์บอลของ อองรี นั้นไม่มีบทลงโทษใดๆเกิดขึ้นเลย แม้อดีตแข้งบาร์เซโลน่าจะถูกยื่นเรื่องไปที่คณะกรรมการด้านวินัยของ ฟีฟ่า ก็ได้บทสรุปว่าเขาไม่มีความผิดแต่อย่าใด

นี่คือหนึ่งในเหตุการณ์สุดอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ลูกหนังโลกที่ไม่มีฝ่ายใดได้รับโทษทั้งสิ้น และหัตถ์พระเจ้ายุคใหม่นี้คือสิ่งที่แฟนบอลไอร์แลนด์ไม่มีทางลืมไปจนวันตายอย่างแน่นอน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ฟุตบอลโลก
คนไอริชไม่ลืม : ย้อนเหตุการณ์หัตถ์พระเจ้าของ เธียร์รี่ อองรี