กึ่งเสียชีวิต 78 นาที : ช่วงเวลาเฉียดเป็นเฉียดตายของ ฟาบริซ มูอัมบ้า

 

เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้นในศึกยูโรตั้งแต่ รอบแรก ของกลุ่ม B ระหว่าง เดนมาร์ก กับ ฟินแลนด์ เมื่อ คริสเตียน อีริคเซน จอมทัพตัวเก่งทีมโคนม เกิดวูบคาสนามเฉียดตายในศึกยูโร

 

ทีมแพทย์ต้องเร่งเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจอยู่ราว 10 นาทีก่อนที่ ดาวเตะอินเตอร์ มิลาน จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลต่อไป ก่อนที่จะมีรายงานตามหลังออกมาว่า แข้งวัย 29 ปี ได้สติ และมีอาการคงตัวแล้ว

 

อย่างไรก็ตามในวันต่อมา สกอตต์ เมอร์เรย์ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจของ NHS เชื่อว่า อีริคเซ่น คงต้องบอกลาอาชีพนักฟุตบอลค่อนข้างสูง หลังหมดสติจากหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน

 

จากกรณีดังกล่าวนั่นทำให้หลายคนนึกถึงเคสของ ฟาบริซ มูอัมบ้า ไม่น้อย เนื่องจากเขาต้องจำใจปิดฉากอาชีพค้าแข้งก่อนวัยอันควรจากกรณีหัวใจหยุดเต้นขณะแข่งขันเมื่อ 9 ปีก่อน

 

และเขาตกอยู่ในสภาพเหมือนตายไปแล้วนานกว่า 78 นาที อีกด้วย…

 

นอกจากมูอัมบ้ายังมีอีริคเซนอีกคนที่เฉียดตายเช่นกันในอดีต

 

กันไว้ดีกว่าแก้: 5 สิ่งที่ต้องเรียนรู้หลังอีริคเซ่นวูบคาสนาม

 

เส้นทางค้าแข้ง

 

Fabrice Muamba Update: Latest News and Info on Bolton Star Following Collapse | Bleacher Report | Latest News, Videos and Highlights

 

มูอัมบ้า เกิดที่ ซาอีร์ (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก) แต่ต้องหนีออกจากประเทศตามพ่อของเขา ด้วยเหตุผลทางการเมืองในปี 1994 และลี้ภัยมาอยู่ในสหราชอาณาจักร และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวเข้าสู่อาชีพนักฟุตบอล

 

เขาย้ายไปเล่นทีมเยาวชนของ อาร์เซน่อล ในปี 2002 ก่อนได้สัญญาอาชีพครั้งแรกในอีก 3 ปีต่อมา แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงในชุดใหญ่ ทำให้ มูอัมบ้า ถูกปล่อยให้ เบอร์มิ่งแฮม ยืมไปใช้งานในฤดูกาล 2006-07 

 

ด้วยลีลาการเล่นที่แข็งแกร่ง ดุดัน และมีพลังงานล้นเหลือ ทำให้ มูอัมบ้า ถูกเปรียบเทียบกับ พาทริค วิเอร่า ตำนาน ‘ปืนใหญ่’ ที่คล้ายคลึงกันอยู่ไม่น้อย ช่วงที่เล่นกับ ‘ลูกโลก’ ก่อนคว้าดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสโมสรในปี 2007 ไปครอง และย้ายมา ถิ่น เซนต์ แอนดรูว์ ถาวรในฤดูกาลต่อมา 

 

หลัง เบอร์มิ่งแฮม ตกชั้นในปี 2007-08 โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ก็จัดการคว้า มูอัมบ้า มาร่วมทีม พร้อมสัญญายาวอีก 4 ปี โดยที่เขาไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นสโมสรสุดท้ายในอาชีพค้าแข้ง

 

 

ลาโลก 78 นาที

 

If he was anywhere else Fabrice Muamba wouldn't be here today' - Tottenham stadium announcer Paul Coyte looks back nine years on from Bolton star's collapse

 

มูอัมบ้า เป็นตัวหลักในแดนกลางให้กับ ‘เดอะ ทร็อตเตอร์ส’ เสมอ และได้ลงเล่นแตะ 30 นัดในพรีเมียร์ลีก ตลอด 3 ฤดูกาลแรกใน รีบ็อค สเตเดี้ยม จนกระทั่งปีที่ 4 ของเขา หรือช่วงท้ายฤดูกาล 2011-12 เหตุการณ์สุดช็อคก็เกิดขึ้น

 

ในเกม เอฟเอ คัพ เดือนมีนาคม ปี 2012  โบลตัน บุกมาเยือนสนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน รังเหย้าของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เกมนี้เล่นกันไปได้แค่เพียง 41 นาทีเท่านั้น ในขณะที่ทั้งคู่เสมอกันอยู่ 1-1 เกมก็ต้องมีอันยกเลิกกลางคัน จนเกือบเกิดโศกนาฏกรรมลูกหนังขึ้นในกรุงลอนดอน

 

มูอัมบ้า เกิดอาการวูบร่วงลงไปนอนกับฟลอร์หญ้า แบบไม่เหมือนกับนักเตะที่เจ็บทั่วไป แต่ร่างของกองกลางเชื้อสายคองโกออกอาการผิดปกติคล้ายๆ กับการชัก และไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เมื่อสังเกตุจากสีหน้า แววตาของนักเตะทั้ง 2 ฝั่งในสนาม

 

ทุกคนในสนาม รวมไปถึงแฟนบอลที่ชมเกมผ่านจอแก้วต่างภาวนาไม่ให้เกิดเรื่องร้ายกับ แข้งโบลตัน และทันทีที่ร่างอันไร้สติของ มูอัมบ้า ถูกหามลงเปลพยาบาล เสียงปรบมือกึกก้องทั่วสนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน ก่อนที่ ฮาเวิร์ด เว็บบ์ ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวจะจะตัดสินใจยกเลิกเกมดังกล่าวในที่สุด หลังพูดคุยกับกุนซือทั้ง 2 ทีม

 

หลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่แพทย์ก็ออกมาแถลงข่าวถึงอาการของดาวเตะรายนี้ว่า อาการของ มูอัมบ้า ยังอยู่ในขั้นโคม่า แถมแพทย์ยังระบุด้วยว่า ดาวเตะรายนี้หยุดหายใจไปแล้วถึง 78 นาที นั่นหมายความว่า มูอัมบ้า ลาโลกนี้ไปแล้วเป็นเวลาถึงชั่วโมงกว่าๆ ก่อนที่แพทย์จะยื้อชีวิตกลับมาได้

 

ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งนี้เกิดขึ้น ก็มีกำลังใจจากทั่วทุกสารทิศส่งมายังสโมสร โบลตัน ทั้งดอกไม้ คำอวยพร ในขณะเดียวกันทีมแพทย์กำลังพยายามอย่างหนักในการต่อสู้เพื่อนำวิญญาณของดาวเตะรายนี้กลับมาสู่ร่าง ท่ามกลางความหวังของคนจำนวนมหาศาลที่ใฝ่ฝันหวังจะได้เห็น มูอัมบ้า ลืมตาขึ้นมาดูโลกอีกครั้ง

 

 

จำใจแขวนสตั๊ด

 

Fabrice Muamba collapse has led to huge increase in heart tests among young | Football News | Sky Sports

 

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไป 1 สัปดาห์ มูอัมบ้า ค่อยๆ กลับคืนสู่ภาวะปกติมากขึ้นเรื่อยๆ และในเมื่อ มูอัมบ้า ใกล้จะหายเป็นปกติมากขึ้นเท่าไหร่ ความหวังในการกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งของเจ้าตัวก็มากขึ้นเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ความหวังในการกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งของแข้งรายนี้มีอันต้องดับวูบลง เมื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจที่ประเทศเบลเยียมได้แนะนำทางเลือกที่ดีที่สุดของ มูอัมบ้า ว่า ให้หันหลังให้กับเกมลูกหนัง หากยังอยากใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและคนที่เขารักต่อไป

 

นั่นทำให้ โบลตัน ประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมปี 2012 ว่า มูอัมบ้า ตัดสินใจแขวนสตั๊ดแล้วด้วยวัยเพียง 24 ปี เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่เร็วเกินไปมากๆ สำหรับอาชีพค้าแข้ง แต่เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตย่อมเป็นสิ่งที่เขาต้องยอมรับมันให้ได้ 

 

อดีตกองกลาง โบลตัน ได้กลับไปเยือนถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน อีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน พร้อมขอบคุณ ยิด อาร์มี่ ทุกคนที่ภาวนาให้เขาปลอดภัย และได้เขียนอัตชีวประวัติเกี่ยวกับเรื่องโรคหัวใจ สำหรับคนที่โชคร้ายเป็นโรคเดียวกับเขา ในเวลาต่อมา

 

หลังแขวนสตั๊ด มูอัมบ้า ในวัย 33 ปี ก็ยังวนเวียนกับวงการฟุตบอลที่เขารักไม่ห่าง ทั้งทำหน้าที่เป็นกูรูรับเชิญในสื่อต่างๆ, จบปริญญาตรีสาขาวารสารศาสตร์กีฬาที่ มหาวิทยาลัย สต๊าฟฟอร์ดไชน์ ด้วยอันดับเกียรตินิยม รวมถึงทำหน้ากุนซือทีม โรชเดล ชุด U-18 ด้วย

 

 

ความทรงจำหวนคืน

 

Christian Eriksen is unlikely to play soccer again, cardiologists say - Industry-update.com

 

เหตุการณ์เมื่อปี 2012 ได้กลับมาวนเวียนอยู่ในความคิดของ มูอัมบ้า อีกครั้ง ทันทีที่ได้เห็น คริสเตียน อีริคเซ่น วูบคาสนามเหมือนที่เขาเคย ระหว่างเกม ยูโร 2020 ที่เจอกับ ฟินแลนด์ เมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา

 

มูอัมบ้า ได้โพสต์ข้อความสั้นๆ ใน ทวิตเตอร์ ว่า “Please God” หรือแปลว่า “ได้โปรดเถอะ พระเจ้า” เพื่อเป็นการเอาใจช่วย อีริคเซ่น ให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์ล้มฟุบคาสนามดังกล่าว

 

 ล่าสุด อดีตกองกลาง โบลตัน ได้กล่าวกับ เดลี่เมล สื่อดังจากอังกฤษ ถึงช่วงที่เขาเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะที่ชมเกมการแข่งขัน ณ บ้านของเพื่อนคนหนึ่ง 

 

“ผมน้ำตาไหลออกมาเลยเมื่อวันเสาร์ มันทำให้ทุกอย่างกลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างเลย มันน่ากลัวเหลือเกิน” มูอัมบ้า กล่าว

 

“มันทำให้ความทรงจำกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมหวนกลับมา ผมร้องไห้ออกมา และแม้ว่าผมจะไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ แต่ผมก็คิดว่า ‘สู้หน่อยสิ อีริคเซ่น สู้หน่อย’ ”

 

หลังทราบข่าวดีของ กองกลางทีมชาติเดนมาร์ก มูอัมบ้า ก็รู้สึกใจชื่นไม่น้อย และภาวนาให้ อีริคเซ่น ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้

 

“มันเป็นวันที่ไม่มีใครคาดคิดจริงๆ ผมหวังว่าเขาจะผ่านพ้นไปมันได้ และหวังว่าพวกเขาจะตัดสินใจสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขา”

 

ไม่ว่า อีริคเซ่น จะกลับมาเล่นฟุตบอลได้หรือไม่ก็ตาม การเห็นเขากลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีกว่าเรื่องไหนๆ ในสายตาของแฟนบอลทั่วโลก และรวมไปถึง มูอัมบ้า ผู้เคยผ่านเหตุการณ์เฉียดฉายมาแล้วเช่นกัน