เชลซีรวยสุด : 10 ดีลแพงสุดตลาดหน้าหนาวพรีเมียร์ลีก

เชลซีรวยสุด : 10 ดีลแพงสุดตลาดหน้าหนาวพรีเมียร์ลีก

โปรโมชั่นสินค้าในเดือนมกราคม ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีในเจรจาเพื่อจับจ่ายใช้สอยของเข้ามาในราคาที่เหมาะสมต้อนรับช่วงปีใหม่ แต่อาจไม่ใช่สำหรับการเสริมทัพในวงการฟุตบอลเท่าไหร่นัก

ครั้งหนึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยบอกว่า ตลาดซื้อขายหน้าหนาวเป็น “ช่วงเวลาที่บ้าบอไร้เหตุผล” เนื่องจากนี่คือเวลาที่หลายทีมอาจซื้อด้วยความตื่นตระหนก หรือแร่ขายนักเตะกันยกใหญ่ ราวกับพวกเขาไม่มีแผนการที่แน่นอนหรือชัดเจนว่าจะทำอะไรในช่วงซัมเมอร์ต่อไป

ขณะที่กุนซือหลายๆคนมีความเชื่อแบบนั้น แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดการเกิดดีลสะท้านโลกในเดือนมกราคมได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีก ที่มักจะเกิดดีลแพงหูฉี่มากเป็นพิเศษ ซึ่งบางรายอาจเป็นดีลที่ประสบความสำเร็จ ขณะที่บางดีลกลับน่าผิดหวังไม่น้อยเมื่อเทียบกับค่าตัวที่สโมสรจ่ายไป

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 10 ดีลแพงสุดตลาดหน้าหนาวพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเราขอสปอยหน่อยว่าไม่มีใครรวยกว่า เชลซี อีกแล้วในลิสต์

 

10.บรูโน่ กิมาไรส์ (40 ล้านปอนด์ ปี 2022)

Bruno Guimaraes crowns Newcastle's anniversary waltz with devastating double

หลังจากกลุ่มทุ่นจาก ซาอุดิอาระเบีย เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรช่วงปลายปี 2021 นิวคาสเซิ่ล ก็กลายเป็นทีมเศณษฐีใหม่ในแดนผู้ดีทันที และเหล่า ทูน อาร์มี่ ก็ได้เห็นทีมรักเสริมทัพแบบจัดหนักจัดเต็ม ในเดือนมกราคม ไม่ว่าจะเป็น คีแรน ทริปเปียร์, คริส วู้ด รวมไปถึง บรูโน่ กิมาไรส์ กองกลางตัวเก่งจาก โอลิมปิก ลียง 

กองกลางทีมชาติบราซิล ถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่โดดเด่นสุดๆในทวีปอเมริกาใต้ และเมื่อย้ายมาค้าแข้งในยุโรป เขาก็สามารถยกระดับฝีเท้าได้ยอดเยี่ยม และปัจจุบันก็มีส่วนสำคัญในการพา ‘สาลิกาดง’ ไล่ล่าท็อปโฟร์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

 

9.เฟร์นานโด ตอร์เรส (50 ล้านปอนด์ ปี 2011)

Squawka on Twitter: "ON THIS TRANSFER DAY: In 2011, Chelsea signed Fernando  Torres from Liverpool for £50m. He ended up costing the club £2.5m per  league goal. https://t.co/wPseJtM9CO" / Twitter

แฟนเชลซี เนื้อเต้นสุดๆ เมื่อเห็นทีมรักคว้า เฟร์นานโด้ ตอร์เรส ดาวยิงตัวเก่งจาก ลิเวอร์พูล ในเดือนมกราคมปี 2011 ซึ่งในช่วงเวลานั้น เขาคือกองหน้าสุดคมเบอร์ต้นๆในพรีเมียร์ลีก รวมถึงในฟุตบอลยุโรปด้วย

ทว่า ‘หงส์แดง’ กลับเป็นฝ่ายได้หัวเราะทีหลังดังกว่า เมื่อ ‘เอล นินโญ่’ ไม่ได้พกฟอร์มเดิมไป สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อบวกกับอาการบาดเจ็บ และอาการขาดความมั่นใจ ยิ่งทำให้เขายิงประตูได้น้อยลง พร้อมถูกตีตราว่าเป็นหนึ่งในดีลที่ล้มเหลวที่สุดในวงการฟุตบอลเลย

 

8.ลุยซ์ ดิอาซ (52 ล้านปอนด์ ปี 2022)

Luis Diaz praised after early impact at Liverpool: From Klopp to Owen |  Marca

ช่วงเดือนมกราคมปี 2022 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้รับรายงานว่ากำลังจ่อคว้า ลุยซ์ ดิอาซ ปีกตัวเก่งของ ปอร์โต้ มาร่วมทีม ทว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอรพูล ก็ตัดสินใจปาดหน้าคว้า ดาวเตะทีมชาติโคลอมเบีย มาร่วมทีมซะอย่างนั้น

การตัดสินใจเรื่องนี้ของ คล็อปป์ ได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้อง เมื่อ ดิอาซ สามารถปรับตัวกับลีกใหม่ และต้นสังกัดใหม่ได้รวดเร็วเกิดคาด พร้อมทำให้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นฝันร้ายของทีมคู่แข่ง ด้วยการเลี้ยงบอลที่คล่องแคล่ว กับการจบสกอร์ที่เฉียบคม น่าเสียดายที่ฤดูกาลล่าสุด เจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บ และการขาดหายไปของ เขาก็กลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ ฟอร์มตก

 

7.บรูโน่ เฟร์นานเดส (54 ล้านปอนด์ ปี 2020)

Best is yet to come': Bruno Fernandes signs new Manchester United contract  | Manchester United | The Guardian

หน้าที่การงานของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ในช่วงต้นปี 2020 ก่อนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะคว้า บรูโน่ เฟร์นานเดส กัปตันทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน มาร่วมทีมในเดือนมกราคม และนับตั้งแต่นั้น เขาก็กลายเป็นทุกอย่างของ ‘ปีศาจแดง’ 

ไม่ว่าจะเป็นการทำประตู, การสร้างสรรค์เกมรุก, การจ่ายบอลที่แม่นยำ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส จัดให้ ยูไนเต็ด ได้ตลอด และปัจจุบันก็ยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญ ภายใต้การดูแลของ เอริค เทน ฮาก

 

6.ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง (55 ล้านปอนด์ ปี 2018)

Pierre-Emerick Aubameyang signs | News | Arsenal.com

 ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาพรีเมียร์ลีก ในช่วงตลาดหน้าหนาวปี 2018 ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากแฟนบอล อาร์เซน่อล แถมทำผลงานได้ปังเกิดคาด หลังกดไป 10 ประตูจาก 12 เกมแรก พร้อมมีส่วนสำคัญพา ‘ปืนใหญ่’ คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 2020 ด้วย

ดาวเตะทีมชาติกาบอง ยิงให้ เดอะ กันเนอร์ส ไป 68 ประตูจาก 128 เกม ทว่าท้ายที่สุด เรื่องราวก็จบลงไม่สวย เมื่อเขามีปัญหาด้านวินัยจนถูก มิเกล อาร์เตต้า ดร็อปออกจากทีม ก่อนปล่อยให้ บาร์เซโลน่า คว้าตัวไปแบบฟรีๆ ช่วงต้นปี 2022 แต่อีก 6 เดือนต่อมา ก็ย้ายกลับมาอังกฤษ อีกครั้งกับ เชลซี แต่ก็ไม่ใช่ โอบาเมยอง คนเเดิมเหมือนที่เคยยิงกระจายในรั้วปืนอีกแล้ว

 

5.คริสเตียน พูลิซิช (56 ล้านปอนด์ ปี 2019)

Pulisic isn't a wing-back, he doesn't have a defensive bone in his body!' -  Chelsea's use of USMNT star puzzles Johnson | Goal.com India

คริสเตียน พูลิซิช กลายเป็นแข้งค่าตัวแพงสุดของ เชลซี ช่วงที่ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในเดือนมกราคมปี 2019 ก่อนถูกส่งกลับให้ เสือเหลือง ยืมใช้งานจนจบฤดูกาล 2018-19

ไม่มีสงสัยด้านพรสวรรค์ของ ปีกทีมชาติสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว เพียงแต่ปัญหาหลักของเขาในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็คือไม่สามารถโชว์ฟอร์มสม่ำเสมอได้เท่าที่ควร และจำเป็นต้องเค้นฟอร์มเก่งให้ได้ในยุคของ แกรห์ม พ็อตเตอร์ ก่อนที่เวลาของเขาจะหมดลงแบบไม่รู้ตัว

 

4.อายเมริค ลาปอร์ต (57 ล้านปอนด์ ปี 2018)

Man City news: 'We are stronger than Liverpool' - Aymeric Laporte |  Goal.com Nigeria

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมควักเงินกว่า 57 ล้านปอนด์ เพื่อดึง อายเมริค ลาปอร์ต แนวรับหนุ่มจาก แอธเลติก บิลเบา มาร่วมทีมในตลาดนักเตะหน้าหนาวปี 2018 และกองหลังชาวบาสก์ ก็กลายเป็นกำลังสำคัญในทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทันที โดยมีส่วนพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และ ลีกคัพ 4 สมัย

แม้ เป๊ป มักมีการหมุนเวียนผู้เล่นในทีม แต่ไม่ว่า ลาปอร์ต จะจับคู่กับ รูเบน ดิอาส, จอห์น สโตนส์ หรือใครก็ตาม เขาก็ยังเป็นหัวใจในแผงหลังของ ‘เรือใบสีฟ้า’ ต่อไป

 

3.เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (74 ล้านปอนด์ ปี 2018)

Immaculate, colossal & the best defender in the world - Virgil van Dijk,  2018/19 Season Review - Liverpool FC - This Is Anfield

หลายคนคงตั้งคำถามไม่น้อย เมื่อเห็น เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ยอมทุ่มเงินกว่า 74 ล้านปอนด์ เพื่อคว้า เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จาก เซาแธมป์ตัน ในเดือนมกราคมปี 2018 ทำให้นั่นกลายเป็นสถิติกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลก ณ ตอนนั้น แต่แล้วเสียงวิจารณ์ก็ค่อยๆเงียบลง เมื่อแนวรับชาวดัตช์ โชว์ฟอร์มได้เกินราคา แถมมีส่วนพาทีมเข้าขิง แชมเปี้ยนส์ลีก แม้พ่ายต่อ เรอัล มาดริด ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม VVD ก็พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นกองหลังระดับโลก ในช่วงเวลาที่ค้าแข้งใน แอนฟิลด์ พร้อมมีบทบาทสำคัญช่วยให้ ‘หงส์แดง’ คว้าแชมป์ UCL, พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, สโมสรโลก, เอฟเอ คัพ และ ลีกคัพ มาครองอย่างละสมัย กับตลอด 5 ปีในสโมสร

 

2.มิไคโล มูดริค (88 ล้านปอนด์ ปี 2023)

Mykhailo Mudryk: Chelsea sign winger for £88.5m from Shakhtar Donetsk |  Football News | Sky Sports

หลังจากเทคโอเวอร์สโมสรจาก โรมัน อับราโมวิช ในซัมเมอร์ปี 2022 ท็อดด์ โบลี่ย์ เจ้าของทีมเชลซี คนใหม่ ก็ไม่รอช้าทุ่มเงินเสริมทัพแบบบ้าคลั่ง ด้วยจำนวน 278.4 ล้านปอนด์ในซัมเมอร์ปี 2022 ทำลายสถิติเดิมของสโมสรเมื่อ 2 ปีก่อน 

อีกทั้งในเดือนมกราคมนี้ก็ยังไม่หยุดใช้เงิน เมื่อ ‘สิงห์บลูส์’ ตัดสินใจปาดหน้า อาร์เซน่อล คว้า มิไคโล มูดริค ปีกดาวรุ่งจาก ชัคตาร์ โดเนสต์ค มาร่วมทีม และฉายแววให้เห็นแล้วในเกมประเดิมสนามที่ดวลกับ ลิเวอร์พูล ยิ่งทำให้แฟน สิงห์บลูส์ คาดหวังว่านี่จะเป็นดีลเสริมทัพโคตรแพงแต่ยอดเยี่ยมเสียที หลังผิดหวังไปแล้วกับ ดีลของ ตอร์เรส หรือ พูลิซิช

 

1.เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ (105 ล้านปอนด์ ปี 2023)

Enzo Fernandez: Chelsea sign midfielder in £106.8m British-record transfer  deal from Benfica | Transfer Centre News | Sky Sports

เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ กลายเป็นกองกลางสุดเนื้อหอมทันที หลังจบฟุตบอลโลกปี 2022 ที่ กาตาร์ หลังมีส่วนสำคัญในการพา อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลกสมัย ที่ 3 และทีมที่ตามจีบหนักกว่าใครก็คือ เชลซี ของ เสี่ยท็อดด์ นั่นเอง

แม้ เบนฟิก้า ต้นสังกัดของ เอ็นโซ่ พยายามรั้งนักเตะไว้ ทว่าข้อเสนอที่ สิงห์บลูส์ ยื่นมาให้พิจารณากว่า 105 ล้านปอนด์ในช่วงวันสุดท้ายของตลาดหน้าหนาว เป็นราคาที่พวกเขายากจะปฏิเสธ พร้อมกับทำให้ ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่ากลายเป็นแข้งที่มีค่าตัวแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีกอังกฤษทันที โดยแซงหน้า แจ๊ค กรีลิช ที่ย้ายจาก แอสตัน วิลล่า มาร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์ เมื่อซัมเมอร์ปี 2021

ทว่านี่จะกลายเป็นดีลสุดปังหรือล้มเหลวของ เชลซี คงต้องมาติดตามกันต่อจากนี้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

กอร์ดอนระวัง : เจฟฟเฟอร์ส ดาวรุ่งท็อฟฟี่ผู้ดับแสงหลังลาทีม
กอร์ดอนระวัง : เจฟฟเฟอร์ส ดาวรุ่งท็อฟฟี่ผู้ดับแสงหลังลาทีม