เฟลิกซ์ดูไว้: 7 ดีลยืมสุดห่วยสิงห์บลูส์

เฟลิกซ์ดูไว้: 7 ดีลยืมสุดห่วยสิงห์บลูส์

จนถึงตอนนี้ “สิงห์บลูส์” เชลซี ถือว่าเป็นทีมที่เสริมทัพได้น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะหน้าหนาวปี 2023 พวกเขาเสริมทัพด้วยการสอยนักเตะใหม่เข้ามาถึง 5 ราย โดยเป็นการซื้อแบบถาวร 4 และดีลยืมตัวอีก 1

ทำให้นับตั้งแต่ทีมเปลี่ยนมือจาก “เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช มาเป็น “เสี่ยท็อดด์” ท็อดด์ โบห์ลี่ พวกเขาใช้เงินในการเสริมทัพนักเตะ 2 ตลาด (Summer And Winter) ไปแล้วเกือบ 400 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ยังไม่รวมแอดออนส์ เป็นการค่าตัวก้อนแรกเท่านั้น

หนึ่งในดีลที่น่าสนใจในช่วงตลาดหน้าหนาวคือการยืม ชูเอา เฟลิกซ์ มาจาก “ตราหมี” แอตเลติโก้ มาดริด แม้จะไม่มีเงื่อนไขในการซื้อขาย แต่ก็มีค่ายืมที่สูงถึง 9.7 ล้านปอนด์ กับช่วงเวลาครึ่งฤดูกาลที่เหลือ ถือว่าเป็นการจ่ายค่าธรรมเนียมยืมตัวที่สูงมาก ซึ่งยังไม่รวมค่าเหนื่อยของนักเตะ ที่ไม่ใช่น้อย ๆ อย่างแน่นอน

วันนี้ UfaArena จะพาทุกท่านย้อนไปชม 7 ดีลแห่งการยืมตัวของ เชลซี ในยุคพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ถือว่าไม่ได้เรื่องจะมีใครบ้าง และเฟลิกซ์ จะเป็นรายต่อไปไหม ไปดูกันเลย

๐ คริสเตียน ปานุชชี่ (อิตาลี) ฤดูกาล 2000-01

คริสเตียน ปานุชชี่ ถือว่าเป็นฟูลแบ็คฝีเท้าดีที่มีประสบการณ์มากมาย เริ่มเล่นฟุตบอลกับ เจนัว ก่อนจะย้ายไปแจ้งเกิดกับ เอซี มิลาน และติดทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่ จากนั้นก็ย้ายไปค้าแข้งต่างแดนกับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด และกลับมาเล่นในอิตาลีคราวนี้เป็น อินเตอร์ มิลาน

ทว่าผลงานของเขาในถิ่น จูเซ็ปเป้ เมียสซ่า ไม่เป็นที่น่าอภิรมย์นัก จนในปี 2000 เข้าสู่ยุคใหม่ ปานุชชี่ ในวัย 27 ปี ตัดสินใจย้ายออกจากอินเตอร์ มิลาน มาอยู่กับ เชลซี ที่ตอนนั้นมี จานลูก้า วิอัลลี่ คุมทีมอยู่ เจ้าตัวเผยถึงสาเหตุในการย้ายทีมครั้งนี้ โดยมองว่า เชลซี เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่ทำให้เขากลับมาลงสนามอีกครั้ง

สาเหตุที่เชลซีไปดึงมาเพราะ แดน เปเตรสคู แบ็คขวาโรมาเนีย ที่เข้าสู่ช่วงท้ายปลายทางของอาชีพย้ายไปอยู่กับ แบร๊ดฟอร์ด ซิตี้ ทำให้ในทีมมีตัวเลือกในตำแหน่งแบ็คขวาไม่มากนัก แต่การมาของ โบนุชชี่ ไม่ได้ตอบโจทย์สักเท่าไหร่ เขาได้ลงสนามในทุกรายการไปเพียงแค่ 10 เกมยิงได้ 1 ประตู กลายเป็นตัวสำรองของ มาริโอ เมลช็อต จนสุดท้ายหมดสัญญายืมตัวกลับไปอิตาลี ก็ถูกปล่อยให้ โมนาโก ยืมอีก ถือเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายในอาชีพของเขา

อย่างไรก็ตาม โบนุชชี่ กลับมาพิสูจน์ตัวเองได้อีกครั้งกับ “หมาป่าแห่งกรุงโรม” อาแอส โรม่า สโมสรแห่งนี้คือทีมที่เขาลงเล่นให้ยาวนานที่สุดและเป็นตัวหลักของทีมตลอด แม้ความสำเร็จอาจจะไม่เท่ากับสมัยที่อยู่กับ เอซี มิลาน หรือเรอัล มาดริด ก็ตาม

๐ ฟาบิโอ ปาอิม (โปรตุเกส) ฤดูกาล 2008-09

สุดยอดดาวรุ่งแห่งวงการฟุตบอลโปรตุเกส ที่ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ สตาร์ดังเคยกล่าวเอาไว้ว่าไอ้หนูคนนี้มีฝีเท้าที่เก่งกว่าเขา เส้นทางการค้าแข้งของทั้งคู่เหมือนกับถอดแบบกันมา เริ่มต้นเล่นฟุตบอลในอคาเดมี่ของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เขากลายเป็นนักเตะที่คาดว่าจะขึ้นมาเป็นสตาร์ดังในอนาคต และเป็นกำลังหลักของทีมชาติโปรตุเกส ได้รับความสนใจจากสองสโมสรยักษ์ใหญ่ในสเปนอย่าง เรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า ตั้งแต่อายุ 14 ปี

ในฤดูกาล 2008-2009  เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ตัดสินใจดึงตัวเข้ามาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว เขาได้ลงซ้อมกับทีมชุดใหญ่ แต่ทว่าไม่เคยโผล่หน้าลงเล่นเลยสักครั้ง โอกาสส่วนใหญ่เป็นการเล่นในทีมสำรอง ทำให้สุดท้ายอยู่กับทีมได้เพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น ก็ถูกส่งกลับไปยัง สปอร์ติ้ง ลิสบอน แต่ก็ไม่ได้ลงเล่นชุดใหญ่ โดนปล่อยให้ ริโอ อาฟ ยืมตัวต่อ

เส้นทางในการค้าแข้งของเขานั้นน่าเหลือเชื่อสุด ๆ ถูกมองว่าเป็นดาวรุ่งของวงการ แต่ไม่เคยเล่นในทีมชุดใหญ่ของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน แม้แต่เกมเดียว หลังจากนั้นเขาผจญภัยต่างแดนหลายประเทศ เล่นทั้งลีกแองโกล่า, กาตาร์, มอลต้า, ลิธัวเนีย รวมไปถึงลักเซมเบิร์ก

๐ ริคาร์โด้ ควาเรสม่า (โปรตุเกส) ฤดูกาล 2008-09

ปีกจอมไซด์ก้อย รุ่นพี่ของ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ที่สปอร์ติ้ง ลิสบอน ไปล้มเหลวกับ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ก่อนจะกลับมาทำผลงานได้ดีในโปรตุเกสกับ เอฟซี ปอร์โต้ ในเปิดตลาดหน้าหนาวฤดูกาล 2008-2009 เขาย้ายจาก “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน มาอยู่กับเชลซี โดยพกรางวัล “ถังขยะทองคำ” หรือนักเตะยอดแย่ของฟุตบอลอิตาลีติดตัวมาด้วย

โดยหวังจะเรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง เขาทำแอสซิสต์แรกให้กับทีมในเกม เอฟเอ คัพ ที่พบกับ “ช้างกระทืบโรง” โคเวนทรี ซิตี้ เจ้าตัวเปิดเผยว่า “ตอนที่อยู่ อินเตอร์ มิลาน ผมไม่มมีความมั่นใจในตัวเองเลย ผมเล่นได้ไม่ดี และไม่มีความสุข แต่การมาที่นี่ มันทำให้ผมรู้สึกมั่นใจมากขึ้น เชลซี คือทีมที่นำความสุขกลับมาให้ผมอีกครั้ง”

อย่างไรก็ตามช่วงเวลา 5 เดือนกับ เชลซี เขาได้ลงสนามไปเพียงแค่ 5 เกมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นดีลที่ไม่รู้ว่าจะยืมมาทำมะเขืออะไร ก่อนจะถูกปล่อยกลับไปยัง อินเตอร์ มิลาน เมื่อหมดสัญญายืมตัว ซึ่งการกลับไปคราวนี้ได้สวมเสื้อหมายเลข 7 ต่อจาก หลุยส์ ฟีโก้ แต่มันไม่ได้ช่วยให้ฟอร์มในสนามดีขึ้น

๐ ราดาเมล ฟัลเกา (โคลอมเบีย) ฤดูกาล 2015-2016

 

หัวหอกเจ้าของฉายา “เอล ติเกร” หรือ “ไอ้เสือโคร่ง” ผู้เคยโด่งดังเป็นพลุแตกกับ “ตราหมี” แอตเลติโก้ มาดริด แต่ดันมาโชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักในตอนที่อยู่กับ โมนาโก จนพลาดไปเล่นฟุตบอลโลก 2014 กับทีมชาติโคลอมเบีย ในปี 2014 เขาเดินหน้าสู่ลีกผู้ดีด้วยการย้ายไปอยู่กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ลงสนามเยอะก็จริง แต่ผลงานถือว่าไปไม่สุด

หลังจากจบฤดูกาลเขาถูกปล่อยกลับ โมนาโก ซึ่งในช่วงซัมเมอร์ปี 2015 “สิงห์บลูส์” เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ กลับมาทำงานในเดอะ บริดจ์ เป็นหนที่สอง ขันอาสายืมตัว ราฟาเอล ฟัลเกา เข้ามาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวหวังที่จะปลุกชีพ “ไอ้เสือโคร่ง” ให้กลับมาเป็นยอดดาวยิงอีกครั้ง โดยสวมเสื้อหมายเลข 9 ที่ถือว่าเป็นเบอร์อาถรรพ์ของเชลซี โดยมีค่ายืมอยู่ที่ 4 ล้านปอนด์ และอ็อปชั่นซื้อขาด 38 ล้านปอนด์

แต่ฟอร์มของเขาถือว่าน่าผิดหวังสุด ๆ ลงเล่นไปเพียงแค่ 12 เกมในทุกรายการยิงได้ 1 ประตู แถมยังมาเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน จนถูก กุส ฮิดดิ้งค์ ที่เข้ามาเป็นกุนซือชั่วคราวแทน โชเซ่ มูรินโญ่ ตัดชื่อทิ้งจากรายการใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สุดท้าย ฟัลเกา ก็ย้ายกลับไปโมนาโกด้วยความล้มเหลวอีกครั้ง

๐ อเล็กซานเดร์ ปาโต้ (บราซิล) ฤดูกาล 2015-16

หัวหอกที่มีครบทุกอย่างทั้งความเร็ว และความเฉียบคม โด่งดังสุด ๆ กับ “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน ในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะหน้าหนาวปี 2016 เชลซี ภายใต้การคุมทัพของกุนซือชั่วคราว กุส ฮิดดิ้งค์ ตัดสินใจยืมตัวหอกรายนี้จาก โครินเธียนส์ เข้ามาเสริมทีม เพื่อแทนที่ของ ราดาเมล ฟัลเกา ที่มีอาการบาดเจ็บหนักต้องพักยาว

“ผมมีความสุขในการที่ได้เซ็นสัญญากับเชลซี มันเป็นความฝันของผมที่ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก ผมรอคอยที่จะพบกับเพื่อนร่วมทีม และได้ลงเล่นให้สโมสรแห่งนี้”

อย่างไรก็ตามซื้อมาแล้ว เชลซี ไม่ได้ใช้งานอย่างทันที เพราะมีปัญหาอาการบาดเจ็บติดตัวมาด้วย ปาโต้ ได้ออกสตาร์ทเกมแรกต้องรอถึงวันที่ 3 มีนาคม เขาถูกส่งลงสำรองไปแทน โลอิก เรมี่ ที่บาดเจ็บ และสามารถทำประตูได้ทันทีในเกมที่ถล่ม แอสตัน วิลล่า 4-0 และได้รับโอกาสอีกครั้งในเกมต่อที่พบกับ สวอนซี ซิตี้ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ลงสนามอีกเลย ทำให้การอยู่กับเชลซี ครึ่งฤดูกาลลงเล่นไปเพียง 2 เกม ยิงได้ 1 ประตู ถูกปล่อยกลับ โครินเธียนส์

๐ กอนซาโล่ อิกวาอิน (อาร์เจนติน่า) ฤดูกาล 2018-19

ย้อนกลับไปในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะหน้าหนาวฤดูกาล 2018-2019 เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ “สิงห์อมควัน” เมาริซิโอ ซาร์รี่ ตัดสินใจดึงศิษย์เก่าอย่าง กอนซาโล่ อิกวาอิน เข้ามาเสริมทีมด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้น โดยหวังว่าเขาจะระเบิดฟอร์มเก่งเหมือนกับสมัยที่ทั้งคู่เคยทำงานด้วยกันที่ นาโปลี สวมหมายเลข 9 ลงสนาม

ผลงานของเขาถ้ามองจริง ๆ ก็อาจจะไม่ได้ขี้เหล่อะไร ลงเล่นไปทั้งหมด 18 เกมในทุกรายการยิงได้ 5 ประตู แต่ทว่าภาพจำของเขาในช่วงพีคกับ เรอัล มาดริด, นาโปลี และยูเวนตุส ทำให้แฟนบอลหลายคนตั้งความหวังเอาไว้สูง เขาอยู่กับทีมไป 6 เดือน ก่อนที่จะย้ายกลับยูเวนตุส

“ผมคิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่มองในมุมกลับผลงานของผมก็ไม่ได้แย่นะ มันเป็นแพราะผู้คนคาดหวังกับผลมากกว่านั้น ผมเข้าใจดีเมื่อคุณเป็นนักเตะที่ดี ก็ย่อมเจอแรงกดดันจากการตั้งความหวัง แต่บางครั้งพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าผมมาจากลีกอื่น ที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และผมมีเวลาแค่ไม่กี่เดือน” อิกวาอิน เปิดใจถึงประสบการณ์ค้าแข้งที่เชลซี

๐ ซาอูล ญีเกซ (สเปน) ฤดูกาล 2021-22

ดาวเตะสารพัดประโยชน์ที่สามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นตำแหน่งมิดฟิลด์ฟอร์มของเขาโดดเด่นสุด ๆ ในฤดูกาล 2015-16 ช่วยให้ “ตราหมี” แอตเลติโก้ มาดริด เข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากนั้นเขากลายเป็นตัวหลักของทีมมาตลอด และคว้าแชมป์ลาลีกา สเปน ได้สำเร็จในซีซั่น 2020-21

หลังจากนั้น ซาอูล เลือกมองหาความท้าทายใหม่ เชลซี ตัดสินใจยืมตัวเขามาร่วมทีมโดยจ่ายค่ายืมอยู่ที่ 3.4 ล้านปอนด์ หวังที่จะเข้ามาเป็นตัวเลือกของ โธมัส ทูเคิ่ล แต่ทว่าเขาไม่ได้พกฟอร์มที่ดีกับ แอต มาดริด ติดต่อมาด้วย มาอยู่กับ เชลซี ไม่มีความชัดเจนอะไรเลย ทั้งเรื่องของตำแหน่งการเล่น, บางครั้งโดนจับเล่นวิงแบ็ค, เล่นเซนเตอร์ในระบบหลังสาม

โดยลงสนามไปเพียง 23 เกมเท่านั้นยิงได้ 1 ประตู สุดท้าย เชลซี ตัดสินใจไม่ใช่อ็อปชั่นในการซื้อขาด ส่งกลับแอตเลติโก้ มาดริด เมื่อสัญญายืมตัวหมดลง

ก็ต้องมารอดูกันว่า ชูเอา เฟลิกซ์ แข้งตัวยืมคนล่าสุดของ เชลซี จะทำได้ดีหรือไม่กับการย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ