ย้ายก็ไม่ได้อยู่ก็สำรอง! เส้นทางสุดอาภัพของ ฟาน เดอเบค

 

หากย้อนไป 2-3 ปีก่อนชื่อของ ดอนนี่ ฟาน เดอเบค เป็นกองกลางดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองจากหลายทีมทั่วยุโรป ก่อนจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เข้าวินคว้าตัวเขาไปได้ แต่จากนักเตะความคาดหวังสูงอนาคตไกล กลับกลายเป็นตัวสำรองของสำรอง จะย้ายออกก็ไม่ได้ อยู่ต่อก็ไม่ได้ลง

วันนี้ UFAARENA จะพามาดูเส้นทางที่ไม่เป็นไปตามฝันของกองกลางชาวฮอลแลนด์จากนักเตะดาวโรจน์สู่ตัวสำรองก้นด้านกับ ย้ายก็ไม่ได้อยู่ก็สำรอง! เส้นทางสุดอาภัพของ ฟาน เดอเบค

 

หนึ่งในแข้งเด็กนรกจากอาแจ็กซ์

กองกลางชาวฮอลแลนด์ สร้างชื่อจากการเป็นหนึ่งในสามดาวรุ่งที่น่าจับตามองของอาแจ็กซ์ชุดทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกร่วมกับ แฟรงค์กี้ เดอยอง และ มัธไธจ์ส เดอลิกต์ ในเวลานั้นก่อนที่เพื่อนร่วมรุ่นทั้งสองจะได้ย้ายออกไปหลังจบซีซั่นดังกล่าว ในขณะที่ เดอเบค ยังคงอยู่กับทีมต่อ

แข้งวัย 22 ปีในเวลานั้นมีจุดเด่นในการเป็นจอมทัพตัวปั้นเกม นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นสูงทั้งการเติมขึ้นไปยิงประตู ซึ่งทำได้ดีมากจากสถิติการยิง และแอสซิสต์หลัก 10 ประตูขึ้น 3 ปีติดตั้งแต่ปี 2017-2020 กับอาแจ็กซ์ รวมถึงเทคนิคส่วนตัว และความขยันที่วิ่งไปทั่วแดนกลาง 

 

ได้เวลาออกบินสู่ทัพผี

แข้งอัศวินสีส้มเลือกอยู่กับทีมต่ออีกปี ก่อนที่ในซัมเมอร์ปี 2020 เจ้าตัวก็ได้ฤกษ์ย้ายซึ่งทีมที่จะรับตัวเขาไปใช้งานนั่นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยอมทุ่มเงินกว่า 40 ล้านปอนด์ ซึ่งในเวลานั้นทีมก็กำลังเสี่ยงที่จะเสีย พอล ป็อกบา ออกไปให้กับ เรอัล มาดริด ทำให้เขาก้าวเข้ามาในฐานะตัวตายตัวแทนของแข้งชาวฝรั่งเศส

ด้วยผลงานและสไตล์การเล่นของเจ้าตัว ทำให้แฟนบอลปีศาจแดงตื่นเต้น และคาดหวังว่าเขาจะสามารถเข้ามาทดแทน กองกลางเจ้าปัญหาที่วอแวอยากย้ายออกมาแทบทุกซัมเมอร์ อย่างไรก็ตามจนแล้วจนรอด ป็อกบา ก็ไม่ได้ย้ายออกไปจากทีม และนั่นคือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดของ ฟาน เดอเบค

 

ประเดิมสวยแต่ยังสำรอง

การมาที่ทัพปีศาจแดง เดอเบค ได้โอกาสลงสนามตั้งแต่เกมนัดที่ 2 ของฤดูกาล ด้วยการลงสนามมาเป็นสำรอง และสามารถประเดิมได้อย่างสวยงามจากการยิง 1 ประตูให้กับทีม แม้ว่าจะไม่เพียงพอให้เอาชนะคู่แข่งอย่าง คริสตัล พาเลซ ได้ก็ตาม แต่เจ้าตัวก็ใช้เวลาเพียง 13 นาที ในการเบิกประตูแรกของตัวเองกับทีม

แม้ว่าจะประเดิมได้สวยมีผลงานจับต้องได้ แต่เขาก็ยังคงเป็นตัวสำรองของทีมอยู่ดี สรุปรวมในซีซั่น 2020/21 เขาได้ลงสนามไปทั้งหมด 36 นัดเป็นตัวจริง 13 นัด และลงเล่นเต็มเกมเพียงแค่ 7 นัดเท่านั้น ส่วนในเรื่องของผลงานก็มีแค่ประตูเดียวในเกมเปิดตัว และอีก 2 แอสซิสต์ที่ทำได้

เคราะห์กรรมของดาวเตะวัย 24 ปียังไม่จบไม่สิ้น เมื่อในศึกยูโร 2020 ที่เจ้าตัวคาดหวังที่จะได้ไปลงเล่นแสดงฟอร์มการเล่นเพื่อคว้าโอกาสลงสนาม แข้งจากปีศาจแดงก็ดันมามีอาการบาดเจ็บเล่นงานอีกจนต้องถอนตัวไปในที่สุด หลังจากนั้นแม้จะสลัดอาการเจ็บกลับมาได้ก็ถูกเมินจากทีมชาติฮอลแลนด์ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกไปเสียแล้ว

 

อยู่ต่อก็ไม่ใช้ จะย้ายก็โดนขวาง

สถานการณ์ของกองกลางอัศวินสีส้มแย่ลงเรื่อยๆเมื่อมาถึงฤดูกาล 2020/21 เมื่อช่วงตลาดซัมเมอร์เขามีข่าวความสนใจจากหลายทีม ที่ต้องการดึงเขาไปร่วมทัพแต่สุดท้ายก็เป็นฝั่งปีศาจแดงที่มาขวางการย้ายทีมนี้ จากการเปิดเผยของเอเย่นต์นักเตะว่า “มีความสนใจมามากมายจากทั้ง อิตาลี , เยอรมัน และอังกฤษ ซึ่งมันดูดีมาก แต่คุณก็ต้องได้รับความร่วมมือจากสโมสรด้วย และมันเหมือนว่าพวกเขาจะสนใจ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ทำอะไรเลย มันน่าผิดหวังมาก”

ในขณะที่กุนซืออย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ได้ออกมาให้ความหวังว่าตนพร้อมให้โอกาสเจ้าตัวลงสนาม “ดอนนี่เองก็ทำงานหนัก เขาทำได้ดีจริงๆ เขาจะได้รับโอกาสเมื่อซีซั่นดำเนินไป เรามีเกมคาราบาวคัพ มีเกมในทุกๆ 4 วันเรามีเกมทุกสัปดาห์” แต่จนถึงตอนนี้เขาได้ลงสนามไปเพียงแค่ 3 นัดจากทุกรายการเท่านั้น

การอยู่ต่อในทัพปีศาจแดงนอกจากได้ลงสนามแค่ 3 นัดในฐานะตัวสำรองแล้ว เขายังแทบจะไม่อยู่ในสายตาของนายใหญ่ชาวนอร์เวย์เลยด้วยซ้ำ ด้วยความที่พื้นที่ในแดนกลางถูกจับจองโดย เฟร็ด และ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ เป็นตัวหลักอยู่แล้ว หากจะโรเทชั่นก็เลือกใช้ เนมันย่า มาติช หรือพอล ป็อกบามากกว่า 

ซึ่งแม้แต่ตัวแข้งชาวฝรั่งเศสเองก็ยังโดนจับไปเล่นปีกตัวรุกเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่ตำแหน่งกองกลางตัวรุกก็เป็น บรูโน่ เฟร์นันเดส ที่ยึดตำแหน่งไว้ได้ยาวๆ ถ้าหากอยากโรเทชั่นเองก็หันไปใช้งาน เจสซี่ ลินการ์ด ซะมากกว่า ทำให้โอกาสของเขาแทบไม่เหลือเลยไม่ว่าจะตำแหน่งไหนก็ตามแม้จะมีความยืดหยุ่นสูงเป็นจุดขาย

 

ความหวังต่อจากนี้

เส้นทางหลังจากนี้แทบจะมีอยู่แค่อย่างเดียวคือการย้ายออกซึ่งก็มีทีมจากทั้งนอกและในลีกให้ความสนใจดึงเขาไปสู่ทีมในช่วงตลาดเดือนมกราคมนี้อย่าง อินเตอร์ มิลาน , ยูเวนตุส และเอฟเวอร์ตัน ไม่ว่าจะเป็นการย้ายออกแบบถาวร หรือยืมตัว ก็ดูจะเป็นหนทางที่ดีกว่าในการออกไปเพื่อกู้ความมั่นใจให้กลับมา และอาจได้ผลเยี่ยมแบบ ลินการ์ด ก็เป็นได้

ประกอบกับสัญญาของ พอล ป็อกบา ที่กำลังจะหมดลงและไม่มีวี่แววจะต่อเพิ่ม รวมถึง มาติชเองที่ก็เข้าสู่วัย 33 ปีแล้ว การย้ายออกไปแบบยืมตัวแล้วกลับมาก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีของเขาหากคู่แข่งแดนกลางในปีหน้าจะลดลง 

นอกจากนี้อีกความหวังคือการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งกุนซือที่ปัจจุบัน โซลชา กลายเป็นตัวเต็งในการโดนปลดออกจากตำแหน่ง หากได้โค้ชคนใหม่เข้ามา เดอเบคอาจกลับมาเป็นตัวหลักของนายใหญ่คนใหม่ก็เป็นได้ แต่นั่นก็ไม่ได้การันตีอนาคตของเขาอยู่ดี ต้องมารอดูกันว่าจากตัวเลือกที่กล่าวมาเส้นทางของ ดอนนี่ ฟาน เดอเบคจะออกมาในหน้าไหน

จากเบรดี้ถึงโรนัลโด้ : เมื่อเกลเซอร์หวังประสบความสำเร็จอีกครั้งด้วย “ราชาที่เตรียมลงจากบัลลังก์”