ซื้อเยอะใช่ว่าดี : 10 ทีมที่เสริมทัพน้อยได้แต่มาก

ซื้อเยอะใช่ว่าดี : 10 ทีมที่เสริมทัพน้อยได้แต่มาก

สโมสรทั่วยุโรปต่างจับจ่ายใช้สอยมากมายในช่วงตลาดนักเตะซัมเมอร์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น แต่ว่าก็มีบางทีมเช่นกันที่เสริมทัพน้อยกว่าที่ใครหลายคนคาดการณ์ไว้

ในตลาดซื้อขายซัมเมอร์ปี 2022 มีเพียง เลสเตอร์ แค่สโมสรเดียวใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปที่ยังไม่ได้ซื้อใครเพิ่มเติมเลย นั่นสร้างความผิดหวังให้กับสาวก จิ้งจอกสีน้ำเงิน ไม่น้อย เนื่องจากทีมคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกที่เหลือต่างเสริมแกร่งกันพอสมควรแล้ว

คาดว่าช่วง 1 เดือนที่เหลือแฟนๆ ‘เดอะ ฟ็อกซ์’ น่าจะได้เห็นแข้งใหม่มาเพิ่มเติมบ้าง และ  UFA ARENA จะพิสูจน์ให้ให้ดูว่าการเสริมทัพอันน้อยนิดก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป และไม่แน่อาจจะจะดีกว่าด้วยซ้ำ

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2000)

2000/01 Season Review: Man Utd's hat-trick

ลูกทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าแชมป์ลีกด้วยการถึงห่างอันดับสองถึง 18 แต้ม ในปี1999-2000  แม้ว่ามาร์ค บอสนิช และ มัซซิโม่ ตาอิบี้ จะไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งนายทวารมือหนึ่งของทีมที่ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ทิ้งไว้ได้ ด้วยเหตุนั้นก็ทำให้เฟอร์กี้หันไปคว้าตัวมือกาวแชมป์โลกทีมชาติฝรั่งเศสอย่าง ฟาเบียง บาร์กเตซ มาแทน

แม้ในช่วงเวลาที่บาร์กเตซค้าแข้งในพรีเมียร์นั้นอาจจะมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ในฤดูกาลแรกของนายทวารเลือดน้ำหอมถือว่าทำได้งดงามเลย หลังเก็บคลีนไป 15 เกม โดยมีแต้มถึงห่างรองจ่าฝูงถึง 10 แต้ม แต่เหตุผลจริงๆที่ทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมต้องยกเครดิตให้กับกุนซือชาวสกอตที่ยังคงรักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยมของนักเตะไว้ได้

อย่างไรก็ตาม การรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้กลายเป็นเรื่องยากทันที หลัง ยาป สตัม ย้ายไปลาซิโอ ในซัมเมอร์ต่อมา ส่งผลให้ทีม ‘ปีศาจแดง’ พลาดท่าเสียแชมป์ให้กับคู่อริอย่างอาร์เซน่อลในปีต่อไป

 

เชลซี (2009)

Season 2009/10

การเข้ามาของคาร์โล อันเชล็อตติในถิ่นสแตมป์ฟอร์ด บริดจ์นั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงผู้เล่นภายในทีมไปมากนัก ต่างจากที่สมัยมูรินโญ่คุมทีมเชลซีเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2004 อย่างสิ้นเชิง กุนซือชาวอิตาเลี่ยนเลือกที่จะปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของทีมให้ดูดีขึ้นแทนที่เสริมทัพด้วยนักเตะระดับโลกมากมาย

‘สิงโตน้ำเงินคราม’ ได้คว้าตัว ยูริ เซอร์คอฟ (18 ล้านปอนด์), แดเนี่ยล สเตอร์ริจด์ (6.5 ล้านปอนด์), เนมานย่า มาติช (1.5 ล้านปอนด์) และ รอสส์ เทิร์นบลู (ฟรี)  และด้วยแผนการเล่นที่ยืดหยุ่นของ อันเช่ ทำให้เชลซีประสบความสำเร็จอย่างมากที่สุดในฤดูกาลนั้น ระบบการเล่น 4-4-2 แบบเพชรเป็นที่นิยมก็จริง แต่อันเชล็อตติก็สอนให้ลูกทีมจะใช้งานแผนอย่าง 4-3-2-1, 4-3-3 และ 4-2-3-1 ได้ด้วย

และผลงานทั้งหมดคือคำตอบ อันเชล็อตติช่วยทำให้ผลงานของแต่ละคนเด่นชัดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่กดไป 29 ประตูในลีก ขณะที่แฟรงค์ แลมพาร์ด และ ฟลอร็องต์ มาลูด้า  ก็ช่วยให้ทีมได้ประตูเป็นกอบเป็นกำ (22, 12 ตามลำดับ)

จบฤดูกาล เชลซีคว้าแชมป์ลีกเหนือแมนฯยูไนเต็ด โดยทำประตูไปมากถึง 103 ลูกในลีก ก่อนจะคว้าแชมป์เอฟเอ คัพในเวลาต่อมา แต่ทว่าในฤดูกาลต่อมาเชลซีประสบปัญหานักเตะบาดเจ็บ,การล้มเหลวในแชมเปี้ยนลีก และการเสียแชมป์ให้กับ ‘ปีศาจแดง’ ทำให้อันเชล็อตติถูกปลดในท้ายฤดูกาลต่อมา อย่างไรก็ตามก็ต้องยอมรับว่าผลงานในปีแรกของเขาที่อังกฤษกับการเสริมทัพเพียงเล็กน้อยก็สามารถประสบความสำเร็จได้

 

แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (1994)

Blackburn Rovers' 1995 title winners and what happened next - LancsLive

เป็นเรื่องจริงที่ว่าทีมแบล็คเบิร์นของ เคนนี่ ดัลกริช ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก แจ๊ค วอล์คเกอร์ มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวย ช่วงกลางยุค 90 ที่มุ่งเน้นการทุ่มเงินเสริมทัพเพียงอย่างเดียว จนลืมความจริงที่ว่าความยิ่งใหญ่ของพวกเขา เกิดจากความสามัคคี และจิตใจที่มุ่งมั้นในการเอาชนะที่ถูกปลูกฝังไว้

จุดขายของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ก็คือการประสานงานของ อลัน เชียเรอร์ และ คริส ซัตตัน ที่เป็นคู่กองหน้า SAS ฉบับดั้งเดิมของศึก พรีเมียร์ ลีก โดยรายหลังได้ย้ายมาในช่วงฤดูร้อนปี 1994 ด้วยราคา 5 ล้านปอนด์ที่เป็นสถิติของเกาะอังกฤษในเวลานั้น และได้ เจฟฟ์ เคนน่า จาก เซาธ์แฮมป์ตันมาอีกคน (โทนี่ เกล และ เชย์ กิฟเว่นย้ายมาฟรี)

และด้วยผู้เล่นที่มีอยู่อย่าง แกรม เลอโซ,คอลิน เฮนดรี่,ทิม เชอร์วู้ด, เฮนนิ่ง เบิร์ก และ ทิม ฟลาวเวอร์ส บวกกับความแข็งแกร่งของซัตตัน เป็นสิ่งที่ลงตัวเหลือเกินจนท้ายที่สุดทีม’กุหลาบไฟ’ ก็ล้ม แมนฯยูไนเต็ด และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จ

แอธเลติก บิลเบา (2011)

50 Greatest Football Shirts of All Time - Sports Illustrated

การเสริมทัพผู้เล่นมากมายไม่ได้แปลว่าจะคว้าลีกแชมป์หรือแชมป์อะไรก็ตามได้เสมอไป และในปี 2011 มาร์เชโล่ บิเอลซ่า ที่คุมทีมบิลเบาอยู่ ได้คว้าตัวอันเดร์ เอร์เรร่า มาจากเรอัล ซาราโกซ่า มาด้วยราคา 6 ล้านปอนด์…และนั้นคือทั้งหมดที่ซื้อมา

ทีมจากแคว้นบาส์กอาจจะไม่ได้คว้าแชมป์อะไรเลย หรือ โค่นอำนาจทีมยักษ์ในลีกอย่างเรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่าลงได้ แต่บิลเลานั้นกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่ง และมีการวางแท็กติกที่น่าทึ่งในทุกๆเกม โดยทีมมักจะแย่งกลับมาทุกครั้งในทีนทีทีที่ทีมเสียบอล แม้ในลีกอาจจะจบที่ 10 แต่ในฟุตบอลยุโรปนั้นพวกเขาสร้างผลงานได้อย่างน่าจดจำจริงๆ

ในเดือนมีนาคมปี 2012 บิลเบาต้องไปเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดดวล แมนฯ ยูไนเต็ด ในศึกยูโรป้าลีกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยความมุ่งมั่นและทะเยอทยานของบิเอลซ่า ทำให้ทีมชนะยอดทีมจากอังกฤษได้ 3-2  จาการเล่นวิ่งพล่านไปทั่วสนามพร้อมกับเกมสวนกลับที่เด็ดขาดทำให้พวกเขาสามารถเข้าสู่รอบชิงของยูโรป้าลีกได้สำเร็จ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ทำไม่สำเร็จ หลังถูกราดาเมล ฟัลเกา ดาวเตะของแอตเลติโก้ มาดริดแผลงฤทธิ์ใส่ นอกจากนี้ทีมจากแคว้นบาส์กทีมนี้ยังได้รองแชมป์โกปา เดล เรย์ อีกด้วย

แต่โชคไม่ดีนัก ด้วยความคาดหวังที่สูงเกินไปจากผลงานในฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ทีมทำผลงานอย่างน่าผิดหวังในฤดูกาลต่อมา แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นช่วงเวลาที่สนุกพอตัวเลย…แม้จะไม่มากก็ตาม

 

บาเลนเซีย (2001)

Twitter 上的UtdArena:"In 2001/02, Valencia won La Liga with 75 points  (21-12-5 record) in Rafa Benítez' first season. Amazingly, they only scored  51 goals all season and their top scorer, Rubén Baraja (

ทีมเจ้าของฉายา ‘ไอ้ค้างคาว’ ใช้เงินไปมากพอตัวก่อนที่ ราฟาเอล เบนิเตซจะก้าวเข้าเป็นผู้จัดการทีมในปี 2004 และในปีนั้นบาเลนเซียคว้ามาแค่ ซัลบา บาเยสต้า กองหน้าจาก แอตฯมาดริด เท่านั้น ส่วนนักเตะที่เหลือก็จะเป็นนักเตะชุดที่ได้รองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เป็นตัวหลักของทีม

ในตอนท้าย บาเลนเซียได้รับการยกย่องจากการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่ง พวกเขาเสียไปแค่ 29 ลูกเท่านั้น ต้องขอบคุณนายทวารอย่าง ซานติอาโก้ คานิซาเรส ที่เซฟเป็นว่าเล่น และ เมาริซิโอ เปเยกรินี่ และ โรแบร์โต้ อยาล่า ที่เป็นหัวใจในแนวรับ แต่ดาวซัลโวของทีมอย่าง ลูเบน บาราฆ่า ทำไปแค่ 7 ลูกเท่านั้น

อีกอย่างที่น่าประทับใจในทีมบาเลนเซียก็คือทีมไม่ได้ซื้อใครมาแทนที่ ไกซ์ก้า เมนเดียต้า ที่ย้ายไปลาซิโอ้ และกุนซือชาวสแปนิชได้ปรับแต่งกลยุทธ์การเล่นจาก 4-4-2 รูปเพชร เป็น 4-2-3-1 ที่แพ็คเกมตรงกลางให้เน้นขึ้น โดยมีกองกลางสองคนเป็นแนวรับให้ทีมอยู่

ด้วยแท็คติกที่เฉียบคมของราฟา ผสมผสานกับฟอร์มอันแพรวพราวของ ปาโบล ไอมาร์ ผู้ที่ถูกเปรียบเทียบกับดีเอโก้ มาราโดน่า มาตั้งแต่เด็ก ช่วยให้ทีม ‘ค้างคาว’ คว้าแชมป์ลาลีก้ามาครองได้สำเร็จ และหลังจากนั้น เบนิเตซ ได้สถาปนาตัวเองให้กลายเป็นหนึ่งในโค้ชหนุ่มไฟแรงที่มีแทคติกล้ำลึกที่สุดในวงการลูกหนัง

 

เอซี มิลาน (2003)
ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ทีม ‘รอสโซเนรี่’ ภายใต้การคุมทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ ได้คว้า กาก้า มาจาก เซา เปาโล และ นิโคล่า พ็อซซี่ จากเชเซน่า รวมถึงได้แบ็คประสบการณ์สูงอย่าง คาฟู จากโรม่าแบบไร้ค่าตัว

อันเชล็อตติที่พึ่งคว้าแชมป์ยุโรปมาก่อนหน้านี้ รู้สึกพึ่งพอใจกับผู้เล่นที่มีอยู่และเพิ่มแค่คาฟูในแนวรับเท่านั้น บวกกับปราการหลังที่มีอยู่อย่าง อเลสซานโดร คอสตาคูร์ต้า, อเลสซานโดร เนสต้า และ เปาโล มัลดีนี่ ขณะที่ดาวเตะตัวใหม่อย่าง กาก้า ก็ฉายฟอร์มเก่งจนทำให้เจ้าตัวได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของเซเรีย อาไปครองในปีแรกที่ย้ายมา

‘ปีศาจแดงดำ’ ครองแชมป์ลีกแดนรองเท้าบู้ตอีกครั้ง โดยทิ้งห่างอันดับสองอย่างโรม่า 11 คะแนน และแพ้ไปแค่ 2 เกมในฤดูกาลนั้น

 

บาร์เซโลน่า (2015)

Barcelona Schedule 2015-16: La Liga Fixtures Released | News, Scores,  Highlights, Stats, and Rumors | Bleacher Report

จากการที่ทีมของหลุยส์ เอ็นริเก้เข้ามาในถิ่นคัมป์ นู พร้อมกับคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในฤดูกาลแรกได้ ย่อมเป็นเรื่อง่ายมากๆที่จะดึงดูดแข้งดังเข้ามาอยู่ในทีมระดับโลกแบบนี้

ในฤดูกาลที่แล้วนั้น หลุยส์ ซัวเรซพิสูจน์แล้วว่าค่าตัว 65  ล้านปอนด์ที่เสียไปคุ้มค่าทุกเพนนีที่เสียไป หลังประสานกับลิโอเนล เมสซี่และเนย์มาร์จนกลายเป็นสามแนวรุกที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล นอกจากนี้ยังมีแนวรับที่น่ายำเกรงอย่างปิเก้ แดนกลางอย่างอันเดรส อิเนียสต้า,ชาบี และ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจนัก ถ้าเอ็นริเก้จะเห็นว่าทีมไม่จำเป็นต้องซื้อใครเพิ่มเข้ามา

และการเสริมทัพในปีต่อมาก็คว้าแค่ อาร์ด้า ตูราน และ อเล็กซ์ วิดาล ซึ่งทั้งคู่จะลงเล่นให้ได้ในเดือนมกราคม หลังโดนแบนจากการซื้อขายนักเตะ แต่การเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในทีมน่าจะเป็นการกล่อมให้ดานี่ อัลเวสอยู่กับทีมต่อไปอีกหนึ่งปี

ส่วนคู่อริอย่างเรอัล มาดริดใช้เงิน 50 ล้านปอนด์ในการคว้าตัว ดานิโล่ และ มัตเตโอ โควาซิช แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะสุดท้ายแล้วบาร์ซ่าก็เป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกและแชมป์โกปา เดอ เรย์ไปประดับตู้โชว์อีกครั้ง จะว่าไปครั้งนี้ก็ไม่ต่างกับช่วงซัมเมอร์ปี 2005 เมื่อทีมแคว้นกาตาลัน คว้าแค่มาร์ค ฟาน บอมเมล และ ซานติอาโก้ เอสเคโร่ แต่ก็ยังคว้าทั้งแชมป์ลาลีกา และ ยูซีแอล ในยุคที่แฟรงค์ ไรจ์การ์ดกุมบังเหียนทีมอยู่

 

แวร์เดอร์ เบรเมน (2003)

Louis Ostrowski on Twitter: "@kit_geek @museumofjerseys When Werder Bremen  added orange sleeves Iin 2003/04, and went on to win the double. Later  followed up in 05/06 by a half and half design

เบรเมนคว้าแชมป์บุนเดสลีกาครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งลีกในปี 1993 ในฤดูกาล 2003-04 โดยความสำเร็จนี้ต้องยกเครดิตให้กับฝ่ายบริหารอย่าง เคลาส์ อัลลอฟส์ และ โค้ชอย่าง โทมัส ชาฟ ที่ประสานงานกันได้อย่างลงตัว

พวกเขามีการซื้อตัวนักเตะได้น่าสนใจ  เมื่อเอาแข้งโนเนมอย่าง วาเลเรียง อิสมาเอล กับ เปกก้า ลาเกอร์บลอม ด้วยราคาไม่ถึง 1 ล้านปอนด์ บวกกับรูปแบบการเล่นของ ชาฟ ที่จะเน้นการออกบอลสั้นๆและการเข้าทำที่รวดเร็ว

ดาวเด่นของพวกเขาก็คือ ไอล์ตัน ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมหลังยิงไป 28 ประตูในปีนั้น แต่ในเวลาต่อมา เขากลับหักหลังแฟนบอลด้วยการทิ้งทีมไปในเวลาต่อมา รวมถึงนักเตะคนอื่นๆ อย่าง มลาเดน เคิร์สตายิช และ คริสเตียน ลิสเตส ต่างก็ขอย้ายทีมเช่นเดียวกัน

และการจากไปของนักเตะเหล่านี้ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค กลับมาทวงแชมป์ในปีต่อมาได้สำเร็จ แม้ทีม ‘เสือใต้’ จะไม่ได้รับคำชมแบบเดียวกับที่ทีม ‘นกนางนวล’ เคยได้รับก็ตาม

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1995)

Twitter 上的Premier League:"𝗦𝗲𝗮𝘀𝗼𝗻: 1995/96 𝗧𝗲𝗮𝗺: Manchester United  𝗠𝗮𝗻𝗮𝗴𝗲𝗿: Sir Alex Ferguson 𝗣𝗹𝗮𝘆𝗲𝗿𝘀: Schmeichel, G. Neville,  Pallister, Bruce, Irwin, Beckham, Keane, Butt, Giggs, Cantona, Cole Did you  get it right? https://t ...

เมื่อช่วงซัมเมอร์ของปี 1995 เฟอร์กี้ ได้ทำการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ด้วยการโละนักเตะตัวหลักที่คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก มาด้วยกัน 2 สมัยอย่าง พอล อินซ์ , อังเดร แคนเชลสกี้ และ มาร์ค ฮิวจ์ส และถูกแทนที่ด้วยนักเตะรุ่นใหม่ไฟคะนองที่คอลูกหนังรู้จักกันในชื่อ คลาสออฟ 92 ไม่ว่าจะเป็น เดวิด เบ็คแฮม , พี่น้องเนวิลล์ไรอัน กิ๊กส์ , พอล สโคลส์ และ นิคกี้ บัตต์

และการกลับมาของ เอริค คันโตน่า จากโทษแบน 8 เดือนข้อหากระโดดกังฟูคิกใส่แฟนบอลของ คริสตัล พาเลซ ไม่ต่างกับการได้นักเตะใหม่มาร่วมทีมเลย หลังดาวเตะติสท์แตกชาวฝรั่งเศสโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดของเจ้าตัวด้วยการยิงรวม 19 ประตู ในทุกรายการ และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจากสมาคมผู้สื่อข่าวไปครอง

ทีมดางรุ่งของ เฟอร์กูสัน นั้นเริ่มต้นด้วยผลงานที่ไม่น่าดูเลยหลังการพ่ายให้กับ แอสตัน วิลล่า 1-3 ในเกมนัดแรก แต่ว่าหลังจากนั้นพวกเขาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ และจบฤดูกาลด้วยการคว้า ดับเบิลแชมป์มาครอง 

 

บาเยิร์น มิวนิค (2005)

Bayern Munich 2005-06 Home Shirt - XS (e9)

บาเยิร์นขึ้นชื่อเรื่องการเสริมทัพในทุก ๆ ปีอยู่แล้ว แต่ทว่าในปี 2005 ‘เสือใต้’ กลับไม่มีการซื้อนักเตะที่มากมายเหมือนแต่ก่อน ในปีนั้นพวกเขาเซ็นแค่ วาเลเรียง อิสมาเอล และ ฮูลิโอ ดอส ซานโต๊ส เท่านั้น แต่สโมสรจากแคว้นบาวาเรียก็รู้ดีว่า นักเตะในทีมของพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะชั้นยอด และก็ช่วยให้ทีมสามารถคว้า ดับเบิลแชมป์มาครองได้สำเร็จ

เฟลิกซ์ มากัธ อาจเอาชื่อมาทิ้งที่อังกฤษก็จริง แต่ว่ากับ บาเยิร์น เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการแย่งแชมป์ บุนเดสลีกา มาจาก เบรเมนได้สำเร็จ และสร้างให้ทีมกลายเป็นมหาอำนาจของลีกเมืองเบียร์อีกครั้ง รวมถึงการกลับมาเป็นทีมชั้นนำของยุโรปอีกด้วย โดยตัวของมากัธสร้างทีมด้วยงบประมาณที่จำกัด และสิ่งที่เขาเน้นย้ำกับลูกทีมอยู่เสมอนั้นก็คือในเรื่องของความฟิต และจังหวะการเข้าทำอันรวดเร็ว

มากัธ ไม่ได้เก่งแค่การเชื่อมโยงนักเตะในทีมเข้าด้วยกันเท่านั้น แต่ว่าการทำงานในตลาดนักเตะของเขาก็ทำได้อย่างสุดยอดไม่แพ้กัน และการคว้าดับเบิลแชมป์สองปีซ้อนก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้อย่างดี และบางทีการไม่ใช้เงินซื้อนักเตะมามากมายในการเสริมทัพก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ถ้วยอาถรรพ์? : ย้อน 5 ครั้งหลังหงส์คว้าแชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์
ถ้วยอาถรรพ์? : ย้อน 5 ครั้งหลังหงส์คว้าแชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์