ยังจำได้ไม่ลืม! ย้อนรอย 6 เหตุการณ์ในความทรงจำนัดชิง อาเซียน คัพ

อาเซียน คัพ

ศึก เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2022 กำลังเดินทางมาถึงนัดชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ระหว่าง ไทย กับ เวียดนาม ซึ่งนับเป็นการดวลกันที่สนุกเข้มข้นเป็นอย่างมาก และทำให้นัดชิงชนะเลิศครั้งนี้ เป็นอีกครั้งที่น่าจนจำไม่น้อยทีเดียว

ย้อนกลับไปในอดีตสำหรับเกมนัดชิงชนะเลิศ อาเซียน คัพ นอกจากผลการแข่งขันแล้ว ยังมีอีกหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย และยังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน ซึ่งถ้าให้หยิบยกมาสักเรื่องสำหรับแฟนบอลไทย คงหนีไม่พ้นจังหวะได้จุดโทษแบบค้านสายตาของ สิงคโปร์ ในเกมนัดตัดสินแชมป์เมื่อปี 2007 ซึ่งท้ายที่สุดเราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

วันนี้ UFAAREA จะขอพาไปรอยเหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นในเกมนัดชิงชนะ อาเซียน คัพ ซึ่งยังคงอยู่ในความทรงจำแฟนบอลจนถึงตอนนี้

 

นัดชิงสนามแตก อินโดนีเซีย พบ ไทย แฟนบอล 100,000 คน

นับเป็นอีกหนึ่งเกมนัดชิงชนะเลิศ อาเซียน คัพ ที่ยังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนก็ว่าได้ สำหรับแมตช์ระหว่าง อินโดนีเซีย เจ้าภาพของการแข่งขันเมื่อปี 2002 ซึ่งโคจรมาพบกับคู่รักคู่แค้นอย่าง ไทย และตามสถิติถูกบันทึกไว้ว่ามียอดแฟนบอลตีตั๋วเข้าชมที่สนาม เสนายัน มากถึง 100,000 คน

โดยเกมนัดดังกล่าวทั้งสองทีมเล่นกันได้อย่างสนุกดุเดือด และเป็นทัพ ‘ช้างศึก’ ที่ออกนำก่อนถึง 2-0 ในช่วงครึ่งแรก จากการยิงของ ชูเกียรติ หนูสลุง และ และ เทิดศักดิ์ ก่อนที่เจ้าบ้านจะเร่งเครื่องช่วงครึ่งหลังและตามตีเสมอเป็น 2-2 จากฝีเท้าของ ยาริส ริยาดี กับ เก็นดัท คริสเตียวาน

ท้ายที่สุดนัดดังกล่าวจบลงด้วยการหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ และเป็น ไทย ที่ซัดแม่นกว่าเอาชนะไป 4-2 คว้าแชมป์ อาเซียน คัพ สมัยที่ 3 ได้สำเร็จ ท่ามกลางแฟนบอล ‘อิเหนา’ หลักแสนคนที่ต้องผิดหวังน้ำตกไปตามๆ กัน

 

จุดโทษปริศนา สิงคโปร์

ยังคงเป็นเรื่องที่ค้างใจแฟนบอลไทย มาอยู่จนถึงทุกวันนี้ สำหรับการตัดสินใจของผู้ตัดสินที่เป่าให้จุดโทษ สิงคโปร์ แบบค้านสายตาย ในเกมนัดชิงชนะเลิศ อาเซียน คัพ เลกแรก เมิ่อปี 2007 ซึ่งเป็นผลทำให้ ‘ช้างศึก’ ต้องพบกับความพ่ายแพ้แบบเจ็บปวด

ย้อนกลับไปเกมนัดชิงชนะเลิศ เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ 2007 เลกแรก ซึ่ง ไทย บุกไปเยือน สิงคโปร์ มหาอำนาจลูกหนังย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ เวลานั้น ที่สนามกีฬาแห่งชาติ สิงคโปร์ ซึ่งแมตช์ดังกล่าวเจ้าบ้านออกนำก่อนตั้งแต่ 17 นาทีแรก จากการยิงของอดีตสุดยอดกองหน้า ‘ลอดช่อง’ อย่าง นอร์ อลาม ชาร์ ก่อนที่ พิพัฒน์ ต้นกันยา จะมาตามตีเสมอให้กับ ไทย ช่วงครึ่งหลัง

อย่างไรก็ตามท้ายเกมนาที 81 จากจังหวะเล่นลูกตั้งเตะของเจ้าบ้านโยนเข้ามาในกรอบเขตโทษ จังหวะเดียวกันผู้เล่นของ สิงคโปร์ อย่าง นอร์ อลาม ชาร์ เบียดกับ ดุสิต เฉลิมแสน และล้มลงบริเวณจุดโทษ ซึ่งจากที่เราเห็นดูเหมือนว่าจะไม่น่าจะการฟาวล์ แต่ผู้ตัดสินเกมนั้นอย่าง ระวิจันดรัน จับปานิมูตู ชาวมาเลเซีย กลับเป่าเป็นจุดโทษแบบค้างสายตา

ก่อนที่ ฟาห์รูดิน มุสตาฟิช จะเป็นคนรับหน้าที่สังหารจุดโทษลูกนั้นเข้าไป และพาขุนพล ‘เมอร์ไลออน’ ฝ้างรอยแค้นไว้กับ ไทย ด้วยชัยชนะแบบที่ยังคงเป็นข้อกังขาจนถึงทุกวนนี้

 

ไครูล อัมรี ยิงสุดสวยดับฝัน ไทย คาบ้าน

ต่อเนื่องจากเหตุการณ์จุดโทษปริศนาของ สิงคโปร์ ในเกมนัดชิงชนะเลิศ เลกแรก เมื่อปี 2007 หลังจากนั้นเกมเลกสอง ทั้งสองทีมต้องกลับมาเล่นกันที่สนาม ศุภชลาศัย ด้วยเป้าหมายหนักแน่นของทัพ ‘ช้างศึก’ ที่จะคว้าชัยชนะและฉลองแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลชาวไทย ให้ได้

นัดดังกล่าวเริ่มาแค่เพียง 37 นาที เท่านั้น แฟนบอลไทย ได้เฮแบบสนามแตก จากประตูขึ้นนำ 1-0 ของ พิพัฒน์ ต้นกันยา ซึ่งหากเรารักษาสกอร์นี้จนจบเกมจะคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ทันที

ทว่าเกมผ่านมาจนถึงช่วงท้าย กลับกลายเป็นทางฝั่ง สิงคโปร์ ที่ได้เฮบ้างจากการยิงไกลนอกกรอบเขตโทษสุดสวยของ ไครูล อัมรี ชนิดที่เรียกว่านายประตูมือ 1 ของ ไทย เวลานั้นอย่าง กิตติศักดิ์ ระวังป่า ได้แค่ยืนเซฟด้วยสายตา นอกจากจะเป็นประตูที่สำคัญแล้ว ยังถือเป็นหนึ่งประตูที่สวยที่สุดในเกมนัดชิงชนะเลิศ อาเซียน คัพ ลูกหนึ่งเลยก็ว่าได้

ก่อนท้ายที่สุดเกมนัดนี้จบลงด้วยผลเสมอ 1-1 แต่รวมผลสกอร์สองนัด สิงคโปร์ ชนะ 3-2 พร้อมกับฉลองแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน สมัยที่ 3 ต่อหน้าแฟนบอลไทย ซึ่งเข้าไปชมเกมวันนั้นกว่า 40,000 คน

 

 

เลอ คอง วินห์ โหม่งทดเจ็บ เวียดนาม คว้าแชมป์สมัยแรก

ย้อนกลับไปเกมรอบชิงชนะเลิศ อาเซียน คัพ 2008 เป็นการเจอกันของสองทีมคู่รักคู่แค้นอย่าง ไทย และ เวียดนาม โดนเกมนัดแรกเป็นทางฝั่งทัพ ‘ดาวทอง’ ของกุนซือชาวโปรตุเกส อย่าง เอ็นริเก้ คาลิสโต้ บุกมาชนะ ‘ช้างศึก’ ถึงถิ่น 2-1 กุมความได้เปรียบไว้ได้ก่อน

ส่วนเกมนัดที่สองกลับมาเล่นที่สนาม หมี่ดิ่ญ สเตเดี้ยม กรุงฮานอย พวกเขาต้องการแค่ผลเสมอเท่านั้น สำหรับการคว้าแชมป์ อาเซียน คัพ สมัยแรก ทว่าเริ่มเกมแค่เพียง 21 นาที ธีรศิลป์ แดงดา สยบเสียงแฟยบอลเจ้าบ้านราว 40,000 คน ด้วยการยิงประตูออกนำ 1-0 ตั้งแต่ 21 นาทีแรก

อย่างไรก็ตามผ่านเลยมาจนถึงช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+4 เสียงเฮของแฟนบอลเวียดนาม ดังสนั่นขึ้นจนได้ จากจังหวะ เหงียน มิญ ฟอง เปิดฟรีคิกเข้ากรอบเขตโทษ และเป็นสุดยอดกองหน้าอย่าง เลอ คอง วินห์ โหม่งผ่านมือ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล เข้าไปเป็นประตูตีเสมอ 1-1 และเป็นสกอร์ชัยรวมผลสองนัด 3-2

ประตูดังกล่าวทำให้ เวียดนาม ก้าวขึ้นมาผงาดคว้าแชมป์ อาเซียน คัพ เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ และลูกโหม่งของ เลอ คอง วินห์ ยังคงถูกพูดถึงเป็นตำนานของชาวเวียดนาม มาจนถึงตอนนี้

 

ชนาธิป สรงกระสินธ์ โซโล่ครึ่งสนาม

แม้จะเป็นความผิดหวังของทีมชาติไทย สำหรับการพลาดแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ทว่าจังหวะกระชากครึ่งสนามของนักเตะดาวรุ่งโนเนม ณ เวลานั้น อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ในเกมพบกับ สิงคโปร์ เป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ระดับตำนานที่ถูกเอามาฉายซ้ำอยู่บ่อยครั้งจนถึงตอนนี้

ย้อนกลับไปเกมนัดชิงชนะเลิศ อาเซียน คัพ เมื่อปี 2012 หลังจากนัดแรกที่เราบุกไปแพ้ สิงคโปร์ ก่อน 3-1 การกลับมาเล่นยังสนาม ศุภชลาศัย เป็นโอกาสดีที่เราจะเอาคืน และคว้าแชมป์สมัยที่ 5 มาครองให้ได้

เกมนัดนั้น ไทย ออกนำ 1-0 ช่วงท้ายครึ่งแรก จากการโหม่งของ กีรติ เขียวสมบัติ หลังจากนั้นตลอดทั้งเกมลูกทีมของ วินฟรีด เชฟเฟอร์ พยายามเดินหน้าเปิดเกมรุกเข้าใส่คู่แข้งเพื่อเอาประตูที่ 2 ให้ได้ จนกระทั่งช่วงท้ายเกมดาวรุ่งวัย 19 ปี เวลานั้น อย่าง ชนาธิป ถูกส่งลงสนามและเขาเกือบสร้างลูกยิงมหัศจรรย์ จากจังหวะลากบอลยาวจากแดนตัวเองหลบแนวรับ สิงคโปร์ เข้ากรอบเขตโทษก่อนตัดสินใจยิง ทุกอย่างเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่บอลกลับไปติดเซฟ อิซวาน มาห์บุด ปัดทิ้งออกไปได้

แน่นอนว่าหากประตูดังกล่าวถูกส่งเข้าไปตุงตาข่าย ลูกยิงลูกนั้นของ ‘เมสซี่เจ’ จะกลายเป็นประตูระดับตำนานแน่นอน และอาจเป็นประตูที่ทำให้ทีมชาติไทย คว้าแชมป์ นอกจากนั้นยังมีบางคนหยิบยกไปเทียบกับประตูของอดีตตำนาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง ไรอัน กิ๊กส์ ที่ยิงใส่ อาร์เซน่อล เมื่อปี 1999 เลยทีเดียว

 

ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซัดสุดสวยพาไทยคว้าแชมป์รอบ 12 ปี

ในเกมนัดชิงชนะเลิศ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 เลกสอง ไทย ต้องบุกไปเยือน มาเลเซีย ที่สนาม บูกิต จาลิล หลังนัดแรกเอาชนะได้ก่อนในบ้าน 2-0 เพราะฉะนั้นหากจบแค่ผลเสมอหรือแพ้ 1-0 ทีมของ ‘ซิโก้’ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ก็จะคว้าแชมป์ทันที

อย่างไรก็ตามมันกลับไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะ ‘เสือเหลือง’ ออกมาสตาร์ทเกมด้วยผลงานยอดเยี่ยมนำห่างถึง 2-0 ในช่วงครึ่งแรก ก่อนมาได้ลูก 3-0 ตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลัง จนถึงตอนนี้ ‘ช้างศึก’ ต้องการอย่างน้อย 1 ประตู เพื่อกลับมาเป็นแชมป์ให้ได้

จนกระทั่งนาทที่ 82 ไทย ยิงคืนเป็น 3-1 จากจังหวะ สารัช อยู่เย็น ยิงฟรีคิกไปติดเซฟประตู มาเลเซีย และเป็น ชาริล ชัปปุยส์ ตามซ้ำเข้าไป ขอแค่เพียงรักษาสกอร์นี้จนจบเกมก็จะเพียงพอต่อการคว้าแชมป์

อย่างไรก็ตามนาที 87 จากจังหวะสวนกลับเร็วของ ไทย ก่อนบอลมาถึง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และเจ้าตัวตัดสินใจตะบันด้วยเท้าซ้ายของถนัดจากนอกกรอบเขตโทษบอลพุ่งเสียบใต้คานชนิดที่ผู้รักษาประตูอย่าง ฟาริซาล มาร์เลียส สุดปัญญาที่จะเซฟ

ประตูดังกล่าวนอกจะเป็นลูกยิงที่สวยที่สุดลูกหนึ่งตลอดกาลของ อาเซียน คัพ แล้ว มันยังทำให้ทีมชาติไทย กลับมาคว้าแชมป์รายการนี้ครั้งแรกหลังรอคอยมานานกว่า 12 ปี อีกด้วย

 

ก่อนถึงมูดริค : เชลซีกับ 7 ดีลเซ็นแข้งปาดหน้าคู่แข่ง