แฟนบอลข้องใจ : 7 แข้งชวดบัลลงดอร์แบบค้านสายตา

บัลลงดอร์

ย้อนกลับไปในปี 1956 รางวัลบัลลงดอร์ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกจากมันสมองของ กาเบรียล ฮาโนต์ เหยี่ยวข่าวกีฬาจาก ฟรองช์ ฟุตบอล และจากนั้นก็มีจัดขึ้นทุกปีเป็นธรรมเนียมจนถึงปัจจุบัน

หลังเว้นว่างไป 1 ปีช่วงโควิด-19 ระบาด รางวัลนี้ถูกกลับมาจัดขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และกลายเป็น ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่คว้ารางวัลนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 7 

แม้ดูจากผลงานก็ถือว่าเหมาะสมไม่น้อย แต่ก็เกิดกระแสดราม่าตามมาหลังจากนั้นเช่นกัน เนื่องจากแฟนบอลอีกมากมายมองว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงจาก บาเยิร์น มิวนิค สมควรคว้าบัลลงดอร์ไปครองในปีนี้ หลังชวดรางวัลนี้ไปอย่างน่าเสียดายในปี 2020 ที่ถูกยกเลิก ทว่าท้ายที่สุดก็กลับอกหักอีกครั้ง และได้แค่รางวัลกองหน้าแห่งปีปลอบใจแทน

แต่ ยอดแข้งจาก เสือใต้ ไม่ใช่รายแรกที่ต้องเจอกับอะไรแบบนี้ เพราะในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา รางวัลนี้ตกเป็นของ เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รวมกันถึง 12 สมัย ซึ่งในบางปีจะมีนักเตะรายอื่นสมควรได้รางวัลไม่น้อยกว่าพวกเขาทั้ง 2 ด้วยซ้ำ

ทาง UFA ARENA จะไปทุกท่านไปย้อนดู 7 แข้งที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและอาจเป็นช่วงที่พวกเขาพีกสุดในอาชีพค้าแข้งเลยด้วยซ้ำ แต่ดันไม่มีโอกาสได้สัมผัสรางวัลบัลลงดอร์ อย่างที่ควรจะเป็น

   

เธียร์รี่ อองรี

กองหน้าระดับตำนานของ อาร์เซน่อล อย่างเธียร์รี่ อองรี ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะไม่เคยได้สัมผัสรางวัลนี้เลยซักครั้ง และทำเต็มที่ได้แค่อันดับ 2 ในปี 2003 และ อันดับ 3 ในปี 2006 เท่านั้น

ในฤดูกาล 2002-03 นั้น อดีตหัวหอกทีมชาติฝรั่งเศสซััดไปถึง 32 ประตูในทุกรายการ อีกทั้งแอสซิสตไปอีก 23 ครั้ง ช่วยให้ ‘ปืนใหญ่’ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองได้อีกสมัย หากแต่ไม่สามารถช่วยให้ทีมป้องกันแชมป์ลีกได้ ส่งผลให้เขาแพ้คะแนนโหวตแก่ พาเวล เนดเวด ปีกจอมพริ้วของยูเวนตุสที่พาทีมเข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกกับ เอซี มิลาน ไป

อีก 3 ปีต่อมา อองรีก็มีโอกาสติด 1 ใน 3 ตัวเต็งที่จะคว้ารางวัลนี้อีกครั้ง หลังพา ‘กันเนอร์ส’ เข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกได้เป็นครั้งแรก แม้จะแพ้บาร์เซโลน่าก็ตาม แต่การที่ฟาบิโอ คันนาวาโร่ พาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก รวมไปถึงคว้าแชมป์เซเรียอากับ ยูเวนตุส ทำให้ดาวยิงแดนน้ำหอมต้องหล่นไปอยู่อันดับ 3 อย่างช่วยไม่ได้

 

จานลุยจิ บุฟฟ่อน

Gianluigi Buffon celebra 41 años! - CNN Video

ตำแหน่งผู้รักษาประตูมักถูกมองข้ามเสมอ เพราะในประวัติศาสตร์ 65 ปีที่มีการมอบรางวัลบัลลงดอร์มีเพียง เลฟ ยาซิน เท่านั้นที่เป็นนายทวารคนเดียวที่เคยคว้ารางวัลนี้ในปี 1963 ก่อนที่เหล่านายด่านทั้งจะถูกบดบังจากบรรดาดาวเตะตัวรุกฝีเท้าแพรวพราวนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

หากนับแต่ผู้รักษาประตูที่เคยติดท็อป 3 ของรางวัลนี้ นอกเหนือจาก ยาซิน แล้ว มีเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ที่พา ยูเวนตุส คว้าแชมป์เซเรียอา และทีมชาติอิตาลี คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2006 

ผลงานของ จีจี้ ถือว่าโดดเด่นมากในปีนั้น แม้จะเล่นผู้เล่นในตำแหน่งเกมรับก็ตาม ก่อนท้ายที่สุดจะคว้าแค่อันดับ 2 โดยพ่ายให้กับเพื่อนร่วมชาติอย่าง คันนาวาโร่ ที่ชนะด้วยผลโหวตต่างแค่ 10 คะแนนเท่านั้น

และด้วยตำแหน่งนายทวารที่ถูกมองข้ามกับรางวัลส่วนตัวมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้ ฟรองซ์ ฟุตบอล คลอดรางวัลใหม่ออกมาในชื่อ ยาซิน โทรฟี่ เพื่อมอบให้กับมือกาวที่ทำผลงานได้โดดเด่นในปีนั้นๆแทน 

 

ชาบี เอร์นานเดซ

ชาบี เอร์นานเดซ น่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกที่ไม่เคยได้สัมผัสรางวัลอันทรงเกียรติอย่าง บัลลงดอร์ หรือ แข้งยอดเยี่ยมของฟีฟ่าเลยซักครั้ง และนั่นก็เป็นเรื่องที่ใครหลายคนเข้าใจได้ เพราะมีนักเตะอย่าง เมสซี่ และ โรนัลโด้ คอยขโมยซีนอยู่ตลอดเวลา แม้จะมีส่วนช่วยให้บาร์เซโลน่าคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้ถึง 2 ครั้งในปี 2009 และ 2011 ก็ตาม

แข้งชาวสแปนิช โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในปี 2009 หลังแอสซิสต์มากที่สุดในแชมเปี้ยนส์ลีกปีนั้น รวมไปถึง ลาลีก้า ด้วย พร้อมกับคว้ากองกลางยอดเยี่ยมของยูฟ่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำได้แค่อันดับ 3 ในบัลงดอร์ และเป็นรอง โรนัลโด้ และ เมสซี่ อยู่ร่ำไป

ชาบี มีส่วนร่วมกับประตูถึง 40 ลูกในฤดูกาล 2008-09 (ยิง 10, แอสซิสต์ 30) และ 30 ลูกในฤดูกาล 2010-11 (ยิง 14, แอสซิสต์ 16) นี่จึงเป็นสิ่งที่แฟนบอลนึกเสียดายเสมอ เมื่อนักเตะระดับนี้ แต่กลับไม่มีโอกาสคว้ารางวัลที่เหมาะสมกับความสามารถได้เลย

 

อันเดรส อิเนียสต้า

อันเดรส อิเนียสต้า คือหนึ่งในกองกลางที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง ผลงานของเขาและความเก่งกาจในสนามนั้นยากจะหาใครเทียบได้ในปัจจุบัน และไม่รู้ว่าบาร์เซโลน่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปีกว่าจะตามหากองกลางที่มีฝีเท้าระดับนี้ได้

ในปี 2010 และ 2012 คือฤดูกาลที่อิเนียสต้าทำผลงานได้โดดเด่นที่สุด โดยในปี 2010 เขาพาบาร์ซ่าคว้าแชมป์ลีก พร้อมกับช่วยให้ทีมชาติสเปนคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยแรก ก่อนที่อีก 2 ปีต่อมา เขาจะช่วยให้ทัพ ‘กระทิงดุ’ ป้องกันแชมป์ยูโรได้อีกสมัย

มิดฟิลด์ร่างเล็กคว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมของยูฟ่า และนักเตะยอดเยี่ยมประจำศึกยูโรปี 2012 อีกทั้งยังติดทีมยอดเยี่ยมของฟีฟ่าทั้งปี 2010 และ 2012 เช่นเดียวกับติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่าด้วย อย่างไรก็ตาม ความโดดเด่นที่เขามีมันเทียบไม่ได้กับ เมสซี่ และโรนัลโด้ ที่กำลังแข่งขันกันเป็นแข้งเบอร์หนึ่งของโลกอยู่ดี 

 

เวสลี่ย์ สไนเดอร์

เวสลี่ย์ สไนเดอร์ เป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมสำหรับนักเตะที่ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับโลกเพียง 2-3 ปีเท่านั้น หลังจากที่ล้มเหลวไม่เป็นท่ากับ เรอัล มาดริด แข้งชาวดัตช์ถูกขายให้อินเตอร์ มิลาน ด้วยราคาแค่ 15 ล้านยูโร ในปี 2009 ซึงเป็นช่วงที่ โชเซ่ มูรินโญ่ กุมบังเหียนทีมงูใหญ่อยู่เป็นปีที่ 2 ก่อนจะเซ็น ดีเอโก มิลิโต้ และ ซามูเอล เอโต้ เพื่อมาแทนที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ย้ายไปเล่นให้บาร์เซโลน่าแทน

ทั้ง 3 แข้งประสานงานกันอย่างยอดเยี่ยมและเข้าขารู้ใจเหมือนเคยเล่นด้วยกันมานาน ถึงแม้ผู้คนไม่ได้ตื่นเต้นกับความเก่งกาจของเขาใน ‘เนรัซซูรี่’ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เพลย์เมกเกอร์ร่างเล็กคือนักเตะที่ดีที่สุดในอินเตอร์ชุดคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ หลังจากนั้นเขาก็พาฮอลแลนด์เข้าไปชิงฟุตบอลโลกกับสเปนได้ด้วย แม้จะอกหักเพราะลูกยิงของ อิเนียสต้า ในช่วงต่อเวลาพิเศษก็ตาม

สไนเดอร์ได้รับการยกย่องเป็นเอกฉันท์ว่าเขาเป็นกองกลางที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานั้น แต่เอาจริงๆเขากลับได้แค่อันดับ 4 ในรางวัลบัลลงดอร์ ตามหลัง ชาบี, อิเนียสต้า และ เมสซี่ 3 แข้งดังจากบาร์เซโลน่า ทำให้ปีนั้นคือหนึ่งในการมอบรางวัลที่กังขาที่สุดของ บังลงดอร์ เลยก็ว่าได้

 

ฟรองก์ ริเบรี่

ฟร้องก์ ริเบรี่ ปาดหน้าทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ด้วยการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่าไปครอง หลังโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งช่วยให้บาเยิร์น มิวนิค คว้าทริปเปิ้ลแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ลูกหนังเมืองเบียร์

ไม่แปลกที่ แข้งชาวฝรั่งเศสจะถูกคาดหมายให้เป็นตัวเต็งคว้าบัลลงดอร์ปีนั้น แต่ความเป็นจริงที่ปรากฏออกมากลับได้รับคะแนนโหวตแค่อันดับ 3 ของรางวัลนี้เท่านั้น 

จริงอยู่ที่เขาอาจทำประตูไม่ได้มากมายนัก (11 ลูก) แต่ในฤดูกาล 2012-13 อดีตแข้งมาร์กเซยแอสซิสต์์ไป 23 ลูก ทำให้เขามีส่วนร่วมกับประตูมากถึง 34 ลูกจากการลงเล่น 43 นัด ทว่าเขากลับแพ้ให้กับ โรนัลโด้ ดาวยิงจาก เรอัล มาดริด ที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกหรือบอลถ้วยในสเปนได้เลย

 

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค

barcacentre on Twitter: "Virgil van Dijk (Liverpool): "One rival less for  tonight's Ballon d'Or with the absence of Ronaldo? Was he even a rival?"  [rtl7] https://t.co/fS6JF1gpza" / Twitter

นับตั้งแต่ย้ายจาก เซาแธมป์ตัน มาเล่นให้ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2018 เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ก็ยกระดับเป็นกองหลังเบอร์ต้นของยุโรปทันที และโชว์ฟอร์มแกร่งสุดๆด้วยการเป็นเสาหลักในแผงหลังช่วยให้ ‘หงส์แดง’ คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2019 มาครอง

นั่นทำให้ใครหลายคนยกให้ แนวรับทีมชาติฮอลแลนด์ เป็นตัวเต็งเบอร์ต้นๆที่จะคว้าบัลลงดอร์ในปีนั้น รวมกับ ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะจาก บาร์เซโลน่า ในขณะนั้น

ทว่าเมื่อใกล้พิธีมอบรางวัลในเดือนธันวาคม ก็มีข่าวหลุดมาว่า ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่า ได้รับคะแนนโหวตให้คว้ารางวัลนี้ด้วยจำนวน 446 คะแนน ขณะที่กองหลังดัตช์แมนที่หลายคนมองว่าจะได้รางวัลนี้ ทำได้แค่อันดับ 2 และมีคะแนนโหวต 382 คะแนน

แม้ผลโหวตจริงๆจะเฉียดกันไปแค่ 8 คะแนนเท่านั้น ท้ายที่สุด  ฟาน ไดจ์ค ก็กลายเป็นพระรองของงาน ให้ เมสซี่ กลายเป็นนักเตะได้เฉิดฉายเป็นแข้งที่คว้ารางวัลนี้ไปครองมากที่สุดในประวัติศาสตร์

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

บัลลงดอร์
โผล่มาไง : 10 แข้งเหลือเชื่อที่เคยมีชื่อเข้าชิงบัลลงดอร์