หมดสภาพยอดทีม : 8 เกมผีปราชัยยับเยินสุดในพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก

แม้ชัยชนะตกเป็นของ ลิเวอร์พูล อย่างหลายที่กูรูหลายคนคาดการณ์ไว้ แต่ก็ไม่คิดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะทำผลงานได้ย่ำแย่จนพ่ายไปถึง 5-0 คารังในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สถิติใหม่ต่างๆถูกบันทึกไว้มากมายหลังเกมแดงเดือดขบวนที่ 208 ณ สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทั้งการที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลายเป็นนักเตะคนแรกของ ‘หงส์แดง’ ที่บุกมาทำแฮตทริกได้ถึง โรงละครแห่งความฝัน, เป็นครั้งแรกที่ ‘ปีศาจแดง’ ตามหลังคู่แข่งถึง 4 ลูกหลังพักครึ่งในยุคพรีเมียร์ลีก, ชัยชนะท่วมท้นที่สุดของทีมจาก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ในการบุกมาทีมจาก แมนเชสเตอร์ และอื่นๆอีกมากมายที่สามารถเอามาบรรยายเป็นหน้ากระดาษได้เลย

เมื่อบวกกับฟอร์มการเล่นของนักเตะฝั่งเจ้าบ้าน ไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่ สาวก ‘เร้ด เดวิลส์’ น้อยใหญ่จะพากันเดินออกจากสนาม ทั้งๆที่เกมยังไม่ทับครบชั่วโมง แถมต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ พอล ป็อกบา ทำฟาวล์รุนแรงใส่ นาบี เกอิต้า จนถูกไล่ออกจากสนาม 

แต่การปราชัยยับเยินในเกมพ่าย ลิเวอร์พูล ถือว่าย่ำแย่ที่สุดที่สุดสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคพรีเมียร์ลีกหรือไม่? UFA ARENA จึงขอพาไปย้อน 8 เกมที่ทีมสีแดงจากแมนเชสเตอร์แพ้แบบหมดสภาพไม่ต่างกัน

 

นิวคาสเซิล 5-0 แมนฯ ยูไนเต็ด | 20 ตุลาคม 1996

นิวคาสเซิล ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์เต็มตัวในฤดูกาล 1995-96 แต่สุดท้ายก็โดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปาดหน้าไปครอง และก็กลายเป็นรองแชมป์ 2 ปีในฤดูกาลต่อมา 

แต่อย่างน้อยพลพรรค ‘สาลิกาดง’ ก็ขอล้างแค้นด้วยการเปิด เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ถล่ม ‘ปีศาจแดง’ ไปด้วยสกอร์ 5-0 โดยได้ประตูจาก ดาร์เรน พีค็อก, ดาวิด ชิโนล่า, เลส เฟอร์ดินานด์ และ อลัน เชียเรอร์ ก่อนที่ ฟิลลิป อัลแบร์ จะซัดประตูสุดสวยตอกฟาโลงด้วยการชิปข้าม ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เข้าไปอย่างเหนือชั้น

 

เซาแธมป์ตัน 6-3 แมนฯ ยูไนเต็ด | 26 ตุลาคม 1996

ผ่านสัปดาห์เดียวหลังเกมพ่าย นิวคาสเซิล 5-0 ทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ดูท่าว่ายังไม่ฟื้นไข้ เมื่อบุกไปโดน เซาแธมป์ตัน สอนบอลถึง 6-3

ดาวเด่นของทีม ‘นักบุญ’ ในวันนั้นมีทั้ง เอจิล ออสเตนสต๊าด ที่ทำแฮตทริก, เอยาล เบร์โควิช ที่เหมา 2 เม็ด หรือ แมธทิว เลอ ทิสซิเอร์ ที่ชิพเหนือๆข้ามตัว ชไมเคิ่ล และที่แย่ไปกว่านั้นสำหรับยูไนเต็ดคือ รอย คีน กองกลางตัวเก่ง ตบะแตกจนใบแดงไล่ออกไป

 

เชลซี 5-0 แมนฯ ยูไนเต็ด | 3 ตุลาคม 1999

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมด้วยการไม่แพ้ใคร 29 นัดติดต่อกันในช่วงปี 1999 แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะถูก เชลซี หยุดสถิติดังกล่าวด้วยความพ่ายแพ้กับสกอร์ถึง 5-0 

กัส โปเย่ต์ ที่เหมาะ 2 ลูกในเกมนั้น ซัดประตูแรกให้ ‘สิงห์บลูส์’ ตั้งแต่ 27 วินาทีแรก และ คริส ซัตตัน ก็มาบวกเพิ่มเป็น 2-0 ในเวลาต่อมา อีกทั้ง นิคกี้ บัตต์ ยังโดนไล่ออกตั้งแต่ 23 นาทีแรกของเกมอีก 

หลังจากนั้นในครึ่งหลัง เฮนนิ่ง เบิร์ก แนวรับ ‘ปีศาจแดง’ ก็ทำเข้าประตูตัว ห่างจากลูกยิงของ โปเย่ต์ ที่กดประตูที่ 2 ของตัวเองเพียง 3 นาที และ โจดี้ มอร์ริส ก็ยิงปิดท้ายให้แฟนบอลเจ้าถิ่นใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ วันนั้นฉลองกันสุดเหวี่ยงหลังเกมจบ

 

แมนฯ ยูไนเต็ด 1-4 ลิเวอร์พูล | 14 มีนาคม 2009

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงจุดโทษให้แฟนบอลเจ้าถิ่นเฮลั่นไปก่อนใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่สุดท้ายกลับกลายเป็น เดอะ ค็อป ผู้มาเยือนได้เฮดังกว่าหลังจบเกมแดงเดือดช่วงท้ายฤดูกาล 2008-09

เฟร์นานโด ตอร์เรส ผู้กลายเป็นของแสลงสำหรับ เนมานย่า วิดิช เป็นคนยิงประตูตีเสมอให้ ลิเวอร์พูล ก่อนที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ฟาบิโอ ออเรลิโอ และ อันเดรีย ดอสเซน่า จะบวกเพิ่มคนละลูกให้ ‘หงส์แดง’ บุกมาตบ ‘ปีศาจแดง’ ถึงโรงละครแห่งความฝัน ด้วยสกอร์ 4-1 

แม้พ่ายยับในเกมใหญ่แบบนั้น แต่ ทีมเฟอร์กี้ ก็ยังเดินหน้าคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 18 ได้อยู่ดี

 

แมนฯ ยูไนเต็ด 1-6 แมนฯ ซิตี้ | 23 ตุลาคม 2011

เกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ นัดแรกในฤดูกาล 2011-12 กลายเป็นครั้งแรกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด โดนคู่แข่งกดไปถึง 6 ลูก ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด นับตั้งแต่ปี 1930 อีกทั้งยังเป็นการพ่ายแพ้ในบ้านยับเยินที่สุดรอบ 56 ปีด้วย

มาริโอ บาโลเตลลี่ และ เอดิน เชโก้ เหมาคนละ 2 ลูก ก่อนที่ เซร์คิโอ้ อเกวโร่ กับ ดาบิด ซิลวา จะยิงเพิ่มให้ ‘เรือใบสีฟ้า’ และเป็นจุดเเริ่มต้นให้ทีมเดินหน้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกตั้งแต่นัดนั้น ส่วน ‘ปีศาจแดง’ ก็ได้ประตูปลอบใจแบบแห้งจาก ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ในนาทีที่ 81

 

เชลซี 4-0 แมนฯ ยูไนเต็ด | 23 ตุลาคม 2016

ณ วันที่ 23 ตุลาคม แต่ถัดจากเกมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่มคาบ้าน 6-1 นาน 5 ปี ภาพเดิมๆก็กลับมาหลอกหลอนแฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ อีกครั้ง เมื่อบุกไปพ่าย เชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยสภาพที่ย่ำแย่ไม่ต่างกัน

อีกทั้งยังเป็นการกลับไปเยือน เดอะ บริดจ์ ที่ไม่ค่อยโสภาสถาพรเท่าไหร่ สำหรับ โชเซ่ มูรินโญ่ ด้วย เมื่อทีมของเขาโดน เปโดร กับ แกรี่ เคฮิลล์ ซัดไปก่อนในครึ่งแรก จากนั้น เอเด็น อาซาร์ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็บวกเพิ่มเป็น 4-0 ในเวลาต่อมา

 

เอฟเวอร์ตัน 4-0 แมนฯ ยูไนเต็ด | 21 เมษายน 2019

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามารับช่วงต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2018 และช่วยให้ทีมทำผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ ก่อนได้รับสัญญาคุมทีมเต็มตัวอย่างเป็นทางการตอบแทนผลงานในเดือนมีนาคม

อย่างไรก็ตาม ช่วงฮันนีมูนของ โอเล่ และ ‘ปีศาจแดง’ ก็จบลงในเดือนเมษายน เมื่อฟอร์มของทีมไม่แข็งแกร่งและสม่ำเสมอเหมือนช่วงนั่งตำแหน่งรักษาการณ์ โดยบุกไปพ่าย เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสัน ปาร์ค 4-0 และเป็น 1 ใน 5 เกมลีกสุดท้ายที่ ยูไนเต็ด ไม่ชนะใครเลย (แพ้ 3, เสมอ 2) จนหล่นไปรั้งอันดับ 6 คว้าตั๋วลุยเล่นยูโรป้า ลีกแทน

 

แมนฯ ยูไนเต็ด 1-6 สเปอร์ส | 4 ตุลาคม 2020

ดูเหมือนว่าเดือนตุลาคม จะไม่ใช่เดือนที่ถูกโฉลกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เท่าไหร่นัก เพราะในยุคพรีเมียร์ลีก พวกเขาพ่ายคู่แข่งแบบยับเยินในเดือนนี้ถึง 7 ครั้งเข้าไปแล้ว หากนับเกมแดงเดือดล่าสุดที่พ่ายคาบ้านให้ ลิเวอร์พูล 5-0 

ย้อนกลับไปปีที่แล้วในเวลาไล่เรี่ยกัน ‘ปีศาจแดง’ ในมือโซลชา ก็ปราชัยแบบหมดสภาพในเดือนตุลาคมเช่นกัน ด้วยน้ำมือของกุนซือเก่าอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ที่กำลังคุม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อยู่ ในเวลานั้น

บรูโน่ แฟร์นานเดส ยิงจุดโทษให้ เจ้าบ้านขึ้นนำก่อนตั้งแต่ 2 นาทีแรกของเกม แต่ ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ ก็ตามตีเสมอในอีก 2 นาทีถัดมา จากนั้น ซอน เฮือง มิน ที่ยิงให้ สเปอร์ส ขึ้นนำในเวลาต่อมาไม่นาน

จุดเปลี่ยนสำคัญคือการที่ อองโทนี่ มาร์กซิยาล โดนใบแดงไล่ออกจากสนามตั้งแต่ 28 นาทีของเกม หลังปัดมือไปหน้าของ เอริก ลาเมล่า จนทำให้ยูไนเต็ดมีผู้เล่นตกเป็นรอง และกลายเป็นเกมของ ‘ไก่เดือยทอง’ สมบูรณ์แบบที่ดาหน้ายิงเพิ่มอีกจาก ซอนนี่, แฮร์รี่ เคน (2) และ แซร์จ ออริเย่ร์ บุกมาคว้าชัยถึงโรงละครแห่งความฝันด้วยสกอร์ 6-1

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

โซลชา
ชนะแค่หนเดียว : ย้อนผลงานคุมทีม 6 นัดของโซลชาในเกมแดงเดือด